ปูพรมค้น12จุดทั่วประเทศ
แก๊งโกงพันล.
ยึดทรัพย์-บ้านหรูจนท.ศาล
กรมป่าไม้จ่อฟ้องเรียก600ล.
‘รังเย็นรีสอร์ท’รุกที่ดิน6พันไร่
ตำรวจ-เจ้าหน้าที่ ปปง.บุกค้น 12 จุด ทั่วประเทศ เครือข่ายอดีต ผบก.เลย ที่ต้องคดีฉ้อโกงตำรวจ 192 นายในภ.จว.เลยและประชาชนภาคอีสานเสียหายกว่าพันล้าน โดย “บิ๊กโจ๊ก”ลุยขอนแก่น ตรวจค้นยึดทรัพย์บ้านหรู3หลังของเจ้าหน้าที่ศาล ที่พบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึง ชงเข้าบอร์ดปปง.สั่งยึดอายัด
เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) นำกำลังตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ประมาณ 200 นาย เข้าตรวจค้นบ้านพักในจ.ขอนแก่น 7 จุด ของเครือข่ายพล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (รอง ผบช.สกพ.) อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ที่ถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกงตำรวจ 192 นาย ในภ.จว.เลย เข้าร่วมโครงการบริหารหนี้กู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเลย มูลค่า 224 ล้านบาท และหลอกลวงประชาชนในภาคอีสานให้ร่วมลงทุน มูลค่าอีกกว่า 1,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์นำกำลังตำรวจ ทหารและปปง.เข้าตรวจค้นบ้านหรู 3 หลัง ย่านบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อตรวจยึดทรัพย์สิน หลังพบว่าบ้านทั้ง 3 หลังเป็นของนายเกรียงไกร เกตุวิบูลย์ที่ร่วมกับพล.ต.ต.สุทิพย์ฉ้อโกง
สำหรับนายเกรียงไกรนั้น ตรวจสอบพบว่าเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของศาลในจ.เชียงใหม่ ก่อนย้ายมาอยู่ที่จ.ขอนแก่น และร่วมกันก่อเหตุกับพล.ต.ต.สุทิพย์และพวก โดยตำรวจพบหลักฐานเป็นเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกันจนนำไปสู่การดำเนินคดี เช่นเดียวกับพล.ต.ต.สุทิพย์ และผู้ต้องหาคนอื่นๆ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การตรวจยึดทรัพย์สินของเครือข่ายนี้ เพื่อนำไปขายทอดตลาดเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง พร้อมกันนี้ เตรียมเสนอพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาสำนวนคดี เพื่อเร่งรัดดำเนินการลงโทษและยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด พร้อมขยายผลจับกุมไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นต่อไป
ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 ปปง.เปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่ตำรวจและ ปปง.เข้าตรวจยึดวันนี้ 12 จุดทั่วประเทศ ตามขั้นตอนแล้วจะเข้าคณะกรรมการยึดอายัดทรัพย์ว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัดได้มาจากการฉ้อโกงหรือไม่ โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์สามารถมาชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์ภายใน 30 วัน แต่ถ้าพบว่าทรัพย์เหล่านี้ได้มาจากการทำผิดก็จะนำไปสู่ชั้นศาลให้พิจารณา เฉลี่ยทรัพย์สินคืนผู้เสียหายที่ระหว่างนี้เข้ามาทำเรื่องกับ ปปง.
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดี ดีเอสไอ ร่วมกับนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันป่าและสำนักไฟป่า หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปบ.4 กอ.รมน.กรมที่ดินและกรมพัฒนาที่ดิน นำเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า ในพื้นที่รังเย็นรีสอร์ท ซึ่งอยู่ในความครอบครองของบริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่มีนายเปรมชัย กรรณสูตร เป็นกรรมการบริษัท ความผิดร่วมกันบุกรุกป่า โดยเคยออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. 147 แปลง เนื้อที่ 6,229 ไร่ ซึ่งกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนทั้งหมดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการออก น.ส.3 ก. โดยใช้หลักฐาน ส.ค.1 จากอ.ด่านซ้าย บินมาเป็นหลักฐานออกเอกสารสิทธิ์ในอ.ภูเรือ
พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวว่า บริษัทซี.พี.เค.ฯจะใช้วิธีถือครองพื้นที่ด้วยการให้ชาวบ้านเช่าปลูกแก้วมังกร ซึ่งเป็นการใช้นอมอนีเข้าครอบครองแทน โดยพื้นที่ที่มีการบุกรุกเพิ่มเติม ทหารเข้าตรวจสอบพบมีการขุดปิดกั้นทางน้ำเพื่อสงวนไว้ใช้ส่วนตัว จึงเข้าสอบปากคำชาวบ้าน ซึ่งให้การว่าแต่เดิมชาวบ้านเข้ามาใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำห้วยน้ำดุก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หลังบริษัทซี.พี.เค.ฯสร้างประตูเหล็กปิดตายทางเข้า ทำให้ชาวบ้านเข้าใช้ประโยชน์ไม่ได้ และบริษัทดังกล่าวยังรติดตั้งเครื่องสูบน้ำนำน้ำไปใช้ในการปลูกแมคคาเดเมียร์
ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า หลังกรมป่าไม้ร้องขอให้ดีเอสไอรับคดีรังเย็นรีสอร์ทเป็นคดีพิเศษ จึงได้ประสานขอรับสำนวนสอบสวนคดีอาญาจาก สภ.โคกงาม มาประกอบการสอบสวนของดีเอสไอ โดยปฏิบัติการตรวจค้นครั้งนี้ เพื่อให้พยานหลักฐานมาดำเนินคดีกับบริษัทซี.พี.เค.ฯ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ที่ออกเอกสารสิทธิ์ไม่ชอบ โดยดีเอสไอใช้โดรนบินสำรวจวัดอาณาเขตการเข้าครอบครองพื้นที่พบมีทั้งสิ้น 10,000 ไร่ เป็นพื้นที่ลาดชันสูงจากระดับน้ำทะเล 560 เมตร ซึ่งไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ขณะที่ยังพบว่าการออกน.ส. 3 ก. เป็นการออกเอกสารสิทธิ์ล้อมรอบภูเขาทั้งลูกเนื้อที่ 2,000 ไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตำรวจแจ้งข้อหาบุกรุกกับกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทซี.พี.เค.ฯ 3 คน ซึ่งเป็นเครือญาติกับนายเปรมชัย กรรณสูต
อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า ดีเอสไอจะตรวจสอบลึกลงไปว่าปีที่ยื่นขอเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ใครคือผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท และจะรวบรวมหลักฐานดำเนินการเกี่ยวกับการทำความผิดทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางน้ำและการสร้างเขื่อนปิดกั้นลำน้ำสาธารณะ เนื่องจากพบมีการขุดลำธารให้กลายเป็นแอ่งน้ำ หรือเขื่อนส่วนตัว ตามหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศที่เห็นถนนตัดเข้าสู่ตัวรังเย็น รีสอร์ท คล้ายเป็นสันเขื่อนส่วนตัว หากไม่มีการปิดกั้นทางน้ำดังกล่าว แหล่งน้ำธรรมชาติจะไหลจากภูเขาที่บริษัทซี.พี.เค.ฯ ครอบครองลงไปสู่พื้นที่ทำการเกษตรในที่ราบที่ชาวทำกินอยู่
ขณะที่พ.ต.ท.ประวุธกล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ดีเอสไอจะสอบปากคำพยานผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงพยานที่กอ.รมน.สอบปากคำไปก่อนหน้านี้ ส่วนพยาน 18 ปากที่ตำรวจสอบสวนไว้ ไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปคดี ดีเอสไอจึงต้องสอบสวนใหม่ทั้งหมด และจะใช้ภาพถ่ายทางอากาศ 3 มิติ จากโดรนที่มีความละเอียดสูงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญต่อสู้คดีระหว่างรัฐกับเอกชนผู้ครอบครอง ซึ่งภาพถ่ายทางอากาศ 3 มิติจะแสดงให้เห็นความสูงชันของพื้นที่เขาเนื้อที่ 10,000 ไร่ ในต.ร่องจิก และต.โพนสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าตรวจพื้นที่รังเย็น รีสอร์ท เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจสอบที่ปลูกบ้านชัยชนะ พบเป็นบ้านพักส่วนตัว 2 หลัง และเรือนพักคนงาน ภายในมีกรงเลี้ยงสัตว์ แต่คาดว่าถูกขนย้ายไปแล้ว เหลือเพียงไก่แจ้จำนวนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการตั้งห้างร้านบนต้นไม้เพื่อใช้ยิงสัตว์ โดยนายสอน ชินระนาท ผู้จัดการดูแลบ้านชัยชนะนาน 17 ปี ระบุว่า ขณะนี้ไม่มีการเข้าใช้ประโยชน์ในบ้านชัยชนะแล้ว ส่วนห้างยิงสัตว์ไม่ทราบว่าใครสร้างไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี