7 ก.ย.61 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน จัดเวทีนำเสนอวิจัยเชิงพื้นที่ โดยสถาบันวิชาการคู่ความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อสร้างองค์ความรู้ และเปลี่ยนกระบวนการคิด วิธีการทำงาน ควบคู่กับการเสนอผลงานทางวิชาการ อาทิ การพัฒนาอาหารปลอดภัยในท้องถิ่น โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ การพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
น.ส.ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส.กล่าวว่า จากการทำงานของ สสส.ร่วมกับเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่พบว่า การแก้ไขปัญหา และหาทางออกของชุมชนท้องถิ่น ต้องอาศัยองค์ความรู้และมุมมองจากคนภายนอกชุมชนเข้าไปกระตุ้นหรือสะกิดเพื่อการเปิดโลกทัศน์และชีวทัศน์ของผู้นำชุมชนท้องถิ่นในฐานะผู้รับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบหรือในฐานะสมาชิกของหมู่บ้าน ตำบล
น.ส.ดวงพร กล่าวอีกว่า ปัญหาใกล้ตัว ใกล้ชุมชน อย่างทำนาแล้วขาดทุน น้ำท่วมซ้ำซาก ภาควิชาการจากสถาบันการศึกษามาเก็บข้อมูลทำวิจัยร่วมกับชาวบ้านแล้วแก้ปัญหาร่วมกัน ขณะนี้มีโมเดลของราชภัฏอุตรดิตถ์ที่มีความแนบแน่นกับองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ ชาวบ้านมีปัญหาเดินไปที่ราชภัฎฯ ซึ่งจะมีชุดความคิดเพื่อนำหลักวิชาการไปช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และนำองค์ความรู้ไปผสานกับภูมิปัญญาพัฒนาท้องถิ่นให้ยั่งยืน
ด้าน นายสมพร ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ กล่าวว่า การสนับสนุนให้เกิดสถาบันวิชาการคู่ความร่วมมือชุมชนท้องถิ่น สสส. ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงการทำงานของ 2 ส่วน คือสถาบันการศึกษาและชุมชนท้องถิ่นที่เดิมต่างคนต่างทำต่างเป้าหมาย มาร่วมคิดร่วมทำโดยมีเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันเกิดคู่ความร่วมมือ 210 พื้นที่ เกิดจำนวนนักวิจัยจากสถาบันวิชาการ และนักวิจัยชุมชน(ในพื้นที่) 988 คน และมีผลงานวิจัย 439 เรื่อง แบ่งเป็นวิจัยแบบมีส่วนร่วม และวิจัยเชิงทดลอง ใน 5 ประเด็น คือ 1.เศรษฐกิจชุมชน 2.การจัดการขยะ 4.เด็กและเยาวชน 4.อาหารปลอดภัย 5.การดูแลสุขภาพ ซึ่งผลวิจัยเหล่านี้จะถูกนำไปสู่การต่อยอดขยายผลทำงานร่วมกันต่อไป
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เรืองเดช วงศ์หล้า ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) และอธิบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สถานศึกษาในท้องถิ่นต้องปฏิรูปการทำงานวิจัย เพราะเดิมทีงานวิจัยเป็นความต้องการของนักวิชาการหรือได้ทุนมาจากส่วนกลาง แต่การทำงานวิจัยเชิงพื้นที่ สสส.เข้ามาสนับสนุนกระบวนการโดยเน้นตามรอยพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยยึดหลักเข้าไประเบิดปัญหาจากภายใน แล้วใช้การแก้ปัญหาแบบมีส่วนร่วม
"เหมือนกับคำภาษาอังกฤษที่ว่า "Engate" คือการหมั้นหมายกันต้องอยู่ด้วยกัน โดยไปสร้างนักวิจัยในท้องถิ่น ให้ชาวบ้านช่วยกันคิดกันทำ สถานศึกษาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงโดยอาศัยองค์ความรู้ เพราะชุมชนท้องถิ่นต้องการองค์ความรู้ แต่ลึกๆคือการช่วยกัน ท้ายที่สุดเมื่อชาวบ้านคิดเองทำเองจะกลายเป็นนโยบายของท้องถิ่นโดยตรง" ผศ.ดร.เรืองเดช กล่าว
พร้อมระบุว่า สสส.ได้ให้แนวทางจากการปฏิรูปงานในเชิงวิชาการมาบริการประชาชน เป็นโมเดลที่จะขยายไปใช้กับราชภัฎทั้ง 38 แห่ง ซึ่งปัจจุบันเกิดการนำร่องไปแล้ว 10 แห่ง ทำให้ได้กระบวนการใหม่ที่ทำงานตรงกับปัญหาและความต้องการของชุมชน
นายสมคิด ทุ่นใจ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้นำความรู้ทางด้านสารสนเทศ มาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน จากการทำงานเก็บข้อมูลร่วมกับชาวบ้านทำให้ทราบว่าพื้นที่มีแหล่งน้ำอยู่ในจุดไหน และบอกระยะทางเดินทางไปถึงแหล่งน้ำ นำข้อมูลไปให้อบต.เพื่อวางแผนจัดสรรงบประมาณการวางท่อ และวางแผนการเพาะปลูก
ทั้งนี้ เดิมทีกลุ่มชาวบ้านที่ทำนาจะได้สิทธิ์ในการใช้น้ำในสัดส่วนที่สูงกว่า แต่กลุ่มที่ปลูกไม้ผล ปศุสัตว์ ได้รับการใช้น้ำรองลงมา เมื่อมีฐานข้อมูลสามารถจัดสรรได้อย่างทั่วถึง ซึ่งชาวบ้านสามารถเข้าไปดูแหล่งน้ำได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งในระยะต่อไปต้องให้อบต.ขึ้นทะเบียนเกษตกรระบุประเภทของการเพาะปลูกเพื่อบริหารจัดสรรน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งปี ซึ่งโมเดลนี้สามารถต่อยอดไปยังอำเภอใกล้เคียงจนถึงระดับจังหวัดได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยนำร่องที่เข้าร่วมโครงการวิจัยและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ 10 แห่ง ประกอบด้วย ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ ม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานี ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม ม.ราชภัฏนครปฐม ม.ราชภัฏบุรีรัมย์ ม.ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ม.ราชภัฏเพชรบุรี ม.ราชภัฏมหาสารคาม ม.ราชภัฏเลย และ ม.ราชภัฏลำปาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี