13 ก.ย.61 นายวิเชียร พงษ์พานิช รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยนายประพันธ์ ประทุมชุมภู ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา กลุ่มกฎหมาย และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนสาธารณะทางเข้า “บ้านสุขาวดี” ภาย ในซอยสุขุมวิท 8 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี บ้านสุขาวดี หลังได้รับแจ้งจากว่าที่ผ่านมาหลังจากที่เมืองพัทยาออกคำสั่งให้ทำการรื้อถอนอาคารที่กีดขวางทางสาธารณะขนาด 6x150 เมตร ที่ทะลุผ่านเข้าไปในบ้านสุขาวดี เพื่อเปิดทางให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งทางบ้านสุขาวดีได้ทำการรื้อถอนไปแล้ว แต่ปรากฏว่าหลังมีการรื้อถอนและจัดทำถนน ค.ส.ล.แล้วเสร็จ กลับมีการจัดสร้างประตูเหล็กบานพับ และนำรถบัสโดย สารขนาดใหญ่มาจอดกีดขวางทางสาธารณะไว้
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีรถบัสโดยสารขนาดใหญ่จำนวน 2 คัน จอดกีดขวางทางสาธารณะที่มีแนวประตูเหล็กปิดกั้นไว้ จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.บางละมุง ดำเนินการเปรียบเทียบปรับฐานจอดรถกีดขวางทางจราจรในพื้นที่สาธารณะ ขณะที่ประตูเหล็กพานพับที่จัดสร้างไว้ กรณีดังกล่าวหากมีการปิดประตูขวางไว้ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือประสานให้ทำการรื้อถอน พร้อมเสนอไปยังฝ่ายบริหารเมืองพัทยาเพื่อดำเนินตามกฎหมายขั้นตอนของ รวมไปถึงเชือกแขวนโคมไฟระย้าที่แขวนขวางไว้ระหว่างอาคารคร่อมแนวถนนสาธารณะนั้นก็ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะ อาด กรณีวางแขวน สิ่งของกีดขวางทาง ซึ่งจะได้ทำบันทึกเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำการรื้อถอน พร้อมแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่กรณีของการจัดวางสิ่งของประเภทหญ้าเทียม โต๊ะ เก้าอี้ บนแนวทางฟุตปาธริมทะเลด้านหลังบ้านสุขาวดี ที่เคยประสานให้ดำเนินการแก้ไข และเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ไปแล้วนั้น ปัจจุบันเมืองพัทยาได้แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ก่อนรอส่งเรื่องฟ้องร้องต่อไป อย่างไรก็ตามจะมีการทำบันทึกถึงนายกเมืองพัทยาในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ที่จะใช้อำนาจในการดูแลพื้นที่สาธารณะมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องลงมาแก้ไขอีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากมองว่าเป็นการตั้งวางสิ่งของกีดขวางทางเท้า ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดด้วยเช่นกัน
ด้าน นายวิเชียร พงษ์พานิช รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่าสำหรับการดำเนินการรื้อหญ้าเทียมและอุปกรณ์ต่างๆที่ทางบ้านสุขาวดีได้มีการนำมาปูกีดไว้บนทางเท้านั้น ขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ทั้งนี้จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบว่าสิ่งที่นำมาปูนั้นไม่ถือเป็นสิ่งปลูกสร้าง และเมืองพัทยาสามารถรื้อถอนออกได้ทันที ซึ่งหากทางบ้านสุขวดีไม่ยอมรื้อออกไปทางเมืองพัทยาก็จะดำเนินการเอง โดยจะทำเรื่องเสนอต่อผู้บริหารอีกครั้ง
ขณะที่การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพราะได้รับรายงานจากนายตรวจเขตเมืองพัทยาว่าทางบ้านสุขาวดีมีการทำรั้วประตูเหล็กปิดทางเข้าออกทางถนนสาธารณะ พร้อมกับมีการนำรถบัสโดยสารขนาดใหญ่มาจอดกีดขวางจนประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้สะดวก ซึ่งเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง ทำการออกใบ สั่งเปรียบเทียบปรับ และหลังจากนี้เมืองพัทยาก็จะแจ้งความโทษฐานปิดทางสาธารณะซึ่งเป็นทางสัญจรไป
ส่วนอาคารที่มีการก่อสร้างโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งเป็นอาคารโครงเหล็ก 1 ชั้นขนาดประมาณ 25×61 เมตร จำนวน 1 หลัง และป้ายขนาดประมาณ 07.00 × 09.00 เมตร จำนวน 2 ป้าย ที่เมืองพัทยาได้มาปิดป้ายประกาศขนาดใหญ่ ระบุข้อความว่าเป็นที่สาธารณะประโยชน์ โดยผู้ใดบุกรุกหรือครอบครอง ถือเป็นการกระทำความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ต้องระวางโทษตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ และขอให้ดำเนินการรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างบนที่สาธารณะแห่งนี้ ก่อนจะทำการปิดหมาย ค.7 หรือหมายคำสั่งรื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กรณีก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร กระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ไปแล้ว โดยมีการนำเชือกมาปิดกั้นห้ามใช้อาคารจนกว่าจะแก้ไขให้แล้วเสร็จ แต่ปรากฏว่าปัจจุบันมีการรื้อทำลายอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงหมายคำสั่งออกไปจนหมด ซึ่งในส่วนนี้เมืองพัทยาก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีในฐานทำลายทรัพย์สินทางราชการ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการหาผู้กระทำความผิดต่อไป
ทั้งนี้ในส่วนของหมายคำสั่งที่ให้มีการรื้อถอนอาคารนั้นแม้จะมีการทำลายคำสั่งไปแล้วแต่หากครบระยะเวลาที่กำหนด 45 วันหลังวันประกาศซึ่งนับจากวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ซึ่งพบว่าไม่มีการอุทธรณ์คำสั่งมีเพียงหนังสือขอผ่อนผันซึ่งไม่เข้าข่ายเพื่อให้ชะลอหรือระงับการดำเนินการ จึงถือว่าหากครบกำหนดตามเวลาที่กำหนดและยังไม่มีการรื้อถอนอาคารดังกล่าวออกแต่อย่างใด เมืองพัทยาก็จะเข้ามาดำเนินการตามขั้นตอนทันที ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและเมืองพัทยาจะไม่เลือกปฏิบัติหากพบว่ามีการกระทำผิด ซึ่งการกระทำผิดนั้นคงจะไม่มีการยกเว้น แม้เจ้าของอาคารจะมีฐานะใดก็ตามเพราะถือว่าหากกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินการในบรรทัดฐานเดียวกันทุกภาคส่วนไม่มีการละเว้นแต่อย่างใดแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี