20 ก.ย.61 กรมชลประทาน นอกจากพัฒนาแหล่งน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำแล้ว ยังต้องพัฒนาระบบส่งน้ำด้วยระบบชลประทานที่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือส่วนเก็บกักน้ำ อันได้แก่อ่างเก็บน้ำ ส่วนทดน้ำและระบบส่งน้ำ อันได้แก่ คลองส่งน้ำสายใหญ่ สายซอย สายแยกซอยอันเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ตามมาด้วยส่วนของระบบที่รับไม้ต่อ ได้แก่ ระบบชลประทานในระดับไร่นาหมายถึงระบบส่งน้ำที่รับน้ำจากส่วนทดน้ำและระบบส่งน้ำ อีกทีในรูปคูส่งน้ำ ซึ่งจะเข้าถึงไร่นาโดยตรงเปรียบเสมือนเส้นเลือดฝอยที่รับไม้จากเส้นเลือดใหญ่ เพื่อนำน้ำเข้าถึงแปลงอีกทอดหนึ่งการส่งน้ำแบบเส้นเลือดใหญ่นั้น มักกระทำควบคู่หรือต่อเนื่องจากการพัฒนาแหล่งน้ำ
ในขณะการแพร่กระจายน้ำแบบเส้นเลือดฝอย เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด ซึ่งดำเนินการ 2 รูปแบบ คือการจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม และการจัดรูปที่ดินการจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม เดิมทีเรียกคันคูน้ำ เป็นการส่งน้ำผ่านระบบคูน้ำถึงแปลงไร่นาโดยที่กรรมสิทธิในที่ดินยังเป็นของเกษตรกรเหมือนเดิม เพิ่งมาเปลี่ยนชื่อเป็นระบบจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรมเมื่อมารวมกับการจัดรูปที่ดินตาม พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2558 ส่วนการจัดรูปที่ดินฯ ดำเนินการทดลองในพื้นที่ชลประทานภาคกลางแถบ จ.สิงห์บุรี เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2510
ต่อมาตราเป็นพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2517 และจัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบคือสำนักงานจัดรูปที่ดินกลางเดิมทีวางแผนว่าทั้งระบบส่งน้ำเส้นเลือดใหญ่ กับระบบแพร่กระจายน้ำเส้นเลือดฝอยนั้นจะดำเนินควบคู่ไปด้วยกันภายใต้ร่มธงกรมชลประทานแต่สุดท้ายเมื่อแยกงานจัดรูปที่ดินไปสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ งานคันคูน้ำจึงยังคงอยู่กรมชลประทานในลักษณะแยกกันอยู่และต่างฝ่ายต่างทำก่อนงานจัดรูปที่ดินจะหวนกลับมาอยู่ภายใต้กรมชลประทานก็ร่วม10 กว่าปีเศษที่ผ่านมาในเชิงโครงสร้าง แม้จะอยู่ในกรมชลประทานเดียวกันและโอนงานคันคูน้ำมาอยู่ในสำนักงานจัดรูปที่ดินกลาง แต่ในทางกฎหมายต่างฝ่ายต่างมีกฎหมายเป็นของตัวเองงบประมาณต่างฝ่ายต่างตั้งเรื่องขอกันเองตามโครงสร้างเก่า จนเมื่อปี 2558 ได้มีการตราพ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2558
โดยรวมงานทั้งสองเข้าอยู่ด้วยกัน จึงเป็นการกลับสู่ทิศทางเดิมโดยงานคันคูน้ำเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม ให้สอดคล้องกับงานจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมภายใต้กฎหมายใหม่มีการปรับโครงสร้างใหม่ จากเดิมที่มีสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัด 27 จังหวัดและโครงการปฏิบัติการจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม 17 โครงการ ก็ยุบรวมและเรียกใหม่ว่าสำนักงานจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม 35 สำนักทำหน้าที่ทั้งจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยสำนักหนึ่งๆมีพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่จังหวัดเดียวจนถึงหลายจังหวัด รับผิดชอบทั่วทั้งประเทศไทยข้อดีของโครงสร้างใหม่ของสำนักงานจัดรูปที่ดินกลางภายใต้ พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2558 คือการขยายบทบาทการแพร่กระจายน้ำทั้ง 2 ระบบ
ภายใต้หน่วยงานเดียวกันและครอบคลุมพื้นที่แทบทั้งประเทศทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงงานแพร่กระจายน้ำได้ง่ายขึ้น และไม่สับสนนับแต่อดีตจนถึงปี 2560 กรมชลประทานได้มีการจัดรูปที่ดินไปแล้ว 2.01 ล้านไร่ และจัดระบบน้ำมาแล้ว11.03 ล้านไร่ รวม 13.04 ล้านไร่ จากพื้นที่ชลประทานประมาณ 30 ล้านไร่อย่างไรก็ตาม เป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)ตามแผนแม่บทของสำนักงานจัดรูปที่ดินกลาง วางแผนจัดระบบแพร่กระจายน้ำรวม 14.461 ล้านไร่
โดยแบ่งเป็นงานจัดรูปที่ดิน 2.085 ล้านไร่ และงานจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม 12.376 ล้านไร่ พิจารณาจากตัวเลขเป้าหมายพื้นที่การแพร่กระจายน้ำเปรียบเทียบกับผลงานที่ผ่านมาในอดีตเป็นเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นในระยะเวลาสั้นลง สะท้อนว่าสำนักงานจัดรูปที่ดินกลางเองเร่งรัดสร้างผลงานเร็วขึ้นและมากขึ้นการที่ตัวเลขการจัดรูปที่ดินมีน้อยกว่าการจัดระบบน้ำสืบเนื่องจากความยากง่ายและขั้นตอนในการดำเนินการ ซึ่งงานจัดรูปที่ดินเป็นงานที่อาศัยความประณีตเป็นความต้องการของราษฎรและเป็นที่ดินของราษฎร ที่เมื่อจัดรูปที่ดินแล้วที่ดินส่วนหนึ่งที่ใช้เพื่อสาธารณะไม่เกิน7% ต้องเป็นของรัฐในรูปคูส่งน้ำ คูระบายน้ำ และเส้นทางลำเลียงและเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการยังต้องร่วมลงขันค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างไม่เกิน 20%
โดยภาครัฐรับผิดชอบไปกว่า 80%ในขณะการจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม เกษตรกรร่วมออกค่าใช้จ่ายไม่เกิน 10% โดยรัฐรับผิดชอบไปกว่า 90% และกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ใช้ก่อสร้างคูส่งน้ำ คูระบายน้ำยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรเหมือนเดิม แต่สภาพแปลงที่ดินยังมีลักษณะเป็นที่ดินตาบอดต่างจากการจัดรูปที่ดินที่ขจัดที่ดินตาบอดได้ทั้ง 100% กล่าวคือทุกแปลงมีเส้นทางลำเลียงเข้าถึงทั้งหมดซึ่งเป็นจุดเด่นที่จูงใจให้เกษตรกรส่วนหนึ่งเลือกจัดรูปที่ดินเช่นกัน
อย่างไรก็ตามการแพร่กระจายน้ำในรูปแบบการจัดระบบน้ำก็ยังต่อยอดไปเป็นการจัดรูปที่ดินในภายหลังก็มีเช่นกัน ดังกรณีของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากเดิมที่เคยก่อสร้างเป็นระบบคันคูน้ำหรือการจัดระบบน้ำในปัจจุบันก็เปลี่ยนเป็นการจัดรูปที่ดินแต่ไม่ว่าจะจัดระบบแพร่กระจายน้ำด้วยรูปแบบใด ก็ล้วนเป็นประโยชน์ร่วมของเกษตรกรทั้งสิ้นทั้งในแง่การเข้าถึงน้ำ เส้นทางลำเลียง ซึ่งนอกจากสะดวกสบายขึ้นแล้ว ยังลดต้นทุนการผลิตและการได้น้ำอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยเพิ่มผลผลิต และเพิ่มพูนรายได้ไปในตัวเช่นกันล้วนตอบโจทย์การแพร่กระจายน้ำเข้าถึงแปลงนาอย่างถ้วนทั่วและประหยัดน้ำ รวมทั้งสร้างความสุขให้แก่เกษตรกร ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของการชลประทานและกรมชลประทานโดยสมบูรณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี