20 ก.ย.61 นายเกรียงศักดิ์ รักษ์ศรีทอง นายอำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นายสมเกียรติ ทิศนุ่น ประธานชมรมคนลุ่มน้ำปากพนังพึ่งพาตนเอง และประธาน กต.ตร.สภ.ปากพนัง นางอรสุรางค์ อินทสโร พนักงานอาวุโส ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสาขานครศรีธรรมราช นางวรรณรัตน์ รัตนพงษ์ ผจก.สหกรณ์การเกษตรปากพนัง นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ อดีตคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกรสาขานครศรีธรรมราช และ ดร. รวิสรา ทิศนุ่น ผู้จัดการโรงแรมซีเค รีสอร์ท ต.บางพระ อ.ปากพนัง ร่วมแสดงความยินดีกับคุณกาญจนา เกตุโรจน์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/2 หมู่ 6 ต.ปากแพรก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร หลังจากได้รับการประสานงานช่วยเหลือและรับคืนโฉนดที่ดินทำกิน จากสหกรณ์การเกษตรปากพนัง ซึ่งได้มีการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารโฉนดที่ดินจำนวน 2 แปลง จากสำนักงานที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช (สาขาปากพนัง) เสร็จเรียบร้อยเมื่อเย็นวานนี้ (19 ก.ย.) ท่ามกลางความดีใจของนางกาญจนา ที่ได้รับโฉนดที่ดินทำกินคืนจนน้ำตาไหลอาบแก้ม
นางอรสุรางค์ อินทสโร พนักงานอาวุโส เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งมีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูเกี่ยวกับการไถ่ถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินซึ่งเกษตรกรจำนวนมากได้นำไปจำนองไว้กับสถาบันการเงินและสหกรณ์การเกษตร โดยทางคณะกรรมการและอนุกรรมการ ฯกองทุนฟื้นฟูได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือและกำหนดให้เกษตรกรที่เป็นหนี้ผ่อนจ่ายหนี้ครึ่งหนึ่งของจำนวนยอดหนี้ที่ค้าง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งทางกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจะรับผิดชอบ และเมื่อเกษตรกรลูกหนี้ผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขเสร็จแล้วทางกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรก็จะดำเนินการไถ่ถอนที่ดินคืนให้กับเกษตรกรต่อไป ซึ่งในส่วนของเกษตรกรสมาชิกกองทุนเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
สำหรับในกรณีของนางกาญจนา เกตุโรจน์ เป็นหนึ่งในสมาชิก ฯ ที่เข้าร่วมโครงการและผ่อนชำระหนี้ครบถ้วนตามเงื่อนไข แต่ไม่สามารถไถ่ถอนที่ดินคืนจากสหกรณ์การเกษตรปากพนังได้ เนื่องจากคำสั่ง คสช.ให้ยุบคณะกรรมการและอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรชุดเดิมออกทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อการดำเนินไถ่ถอนที่ดินของเกษตรกรสมาชิกกองทุนเป็นอย่าง แม้จะแต่งตั้งคณะกรรมการ อนุกรรมการชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่แทน แต่คณะกรรมการชุดใหม่ขาดความรู้ ความเข้าใจเพราะไม่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 4 ปี จึงไม่มีการดำเนินการไถ่ถอนที่ดินคืนให้กับเกษตรกรแม้แต่รายเดียว สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างกว้างขวาง โดยในส่วนของนางกาญจนา เกตุโรจน์ ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง จนกระทั้งศาลปกครองมีคำสั่งให้กองทุนฟื้นฟูดำเนินการไถ่ถอนที่ดินคืนให้นางกาญจนา ดังกล่าว และถือเป็นรายแรกในประเทศก็ว่าได้
นางกาญจนา เกตุโรจน์ กล่าวว่า สามีรับราชการเป็นครู และป่วยเป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดตีบเหลือเพียงเส้นเดียวแต่ไม่ได้เข้ารับการรักษาเพราะค่าใช้จ่ายสูง และมีบุตรคนเรียนระดับอุดมศึกษาปี 3 ตนและครอบครัวเครียดมาก ๆ เนื่องจากที่ดินทำกิน 2 แปลง ที่นำไปจำนองเงินกู้กับสหกรณ์การเกษตรปากพังเพื่อนำเงินมารักษาสามีและเป็นทุนการศึกษาบุตรรวมเป็นเงิน 2.5 แสน ไม่สามารถไถ่ถอนได้ ทั้ง ๆ ที่ตนผ่อนชำระยะหนี้ตามเงื่อนไขและข้อตกลงเดิมกับกองทุนฟื้นฟู ตนไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรจึงเดินทางไปขอคำปรึกษาและขอความช่วยเหลือจาก ดร.รวิสรา ทิศนุ่น จนได้รับคำแนะนำและช่วยเหลือโดยการยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครอง หลังจากศาลใช้เวลาในการยื่นฟ้องศาลปกครอง ซึ่งเวลาผ่านไป 1 ปีเศษศาลปกครองได้พิพากษาสั่งให้กองทุนฟื้นฟู ฯดำเนินการไถ่ถอนที่ดินทั้ง 2 แปลงจากสหกรณ์การเกษตรปากพนัง สร้างความดีใจให้กับตนและครอบครัวเป็นอย่างมาก
ขณะที่นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ อดีตอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร ฯกล่าวว่า หลังจาก คสช.มีคำสั่งปลดคณะกรรมการและอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟู ฯส่งผลกระทบต่อการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของกกองทุนฟื้นฟูเป็นอย่างมาก โดยมีเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้สหกรณ์การเกษตรปากพังและสถาบันการเงินอื่น ๆ ประมาณ 60-70 รายที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน แต่ทางกองทุนฟื้นฟู ฯไม่สามารถดำเนินการไถ่ถอนที่ดินคืนให้เกษตรกรได้ ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก โดยนางกาญจนา เกตุโรจน์ ได้ขอความช่วยเหลือจาก ดร.รวิสรา ทิศนุ่น ในการยื่นร้องต่อศาลปกครอง จนกระทั้งศาลปกครองมีคำสั่งให้กองทุนฟื้นฟู ฯดำเนินการไถ่ถอนที่ดิน 2 แปลงคืนให้นางกาญจนา ดังกล่าว โดยคาดว่าในส่วนของเกษตรกรลูกหนี้ที่เหลืออีก 60-70 รายจะใช้ช่องทางเดียวกันโดยการยื่นร้องศาลปกครองให้มีคำสั่งให้กองทุนฟื้นฟูไถ่ถอนที่ดินคืนเช่นเดียวกับนางกาญจนา ซึ่งถือว่าเป็นเกษตรกรรายแรกของประเทศที่ได้รับการไถ่ถอนที่ดินคืน
“อย่างไรก็ตามทราบว่าทาง คสช.จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการชุดเดิมเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาในการช่วยเหลือไถ่ถอนที่ดินให้กับเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมายิ่งขึ้น”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี