24 ก.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประชุมร่วมกับแกนนำเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 20 คน พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ , นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และนายณรงค์ฤทธิ์ วงษ์สุวรรณ ผอ.องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.) โดยให้สื่อเข้าร่วมรับฟังเกษตรกรร้องเรียนปัญหาให้ รมว.เกษตรฯ เร่งแก้ไขการบิดเบือนปริมาณน้ำนมดิบเกินจริงในโครงการนมโรงเรียน งบประมาณ 1.4 หมื่นล้านต่อปี
นายสุรชาติ คณินทพงษ์ ประธานสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น กล่าวว่า ทั้งประเทศไทยมีแม่โค 6 แสนตัว ในแต่ละวันผลิตน้ำนมดิบ 3.1 พันตัน เข้าระบบนมโรงเรียน 1,170 พันตันต่อวัน เด็กนักเรียนกิน 260 วันต่อปี ส่วนที่เหลือเป็นนมพาณิชย์ แต่ปรากฏว่า ตัวเลขปริมาณนมเข้าสู่นมโรงเรียน มากถึง 1,400 ตันต่อวัน ซึ่งในส่วนเกินไม่มีการรับซื้อนมจากเกษตรกร จะเห็นว่ามีการไซฟอน ตัวเลขปริมาณน้ำนมดิบบวมไปถึง 200 - 300 ตันต่อวัน ที่ผ่านมาเสนอให้ประธานมิลค์บอร์ด ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไข
"เป็นปัญหาราคาซังของระบบนมโรงเรียน ที่มีขบวนการไซฟอนนม แจ้งปริมาณนมเป็นเท็จ ทางกลุ่มได้แจ้งความกองปราบเข้าดำเนินคดีกับผู้ประกอบการไว้แล้ว และยังมีปัญหาจากกฎเกณฑ์ใหม่ของนมโรงเรียน ที่มีบทลงโทษมากเกินไปจากกฎหมายของสำนักงานอาหารและยา (อย.) แทนที่เกษตรกรจะเอาเวลาไปพัฒนาความเข้มแข็งเพื่อให้แข่งขันได้กับการเปิดเอฟทีเอ กับออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ ในปี 2568 กลุ่มเราผลิตนม 1 พันตันต่อวัน มีสหกรณ์ใหญ่ๆ เป็นสมาชิก มีวัว 2 แสนกว่าตัว มีเรื่องตกใจหากต้องถูกเฉลี่ยโควตา เพราะมีผู้ประกอบการที่ไม่มีวัว ก็ตั้งโรงงานนมได้ ยืมวัวคนอื่น ซึ่งมันมั่วมาตลอด พวกนี้คือ อีแร้งในโครงการนมโรงเรียน ทำให้เกษตรกรและสหกรณ์ที่ทำถูกต้องกลับเสียหายไปด้วย เพราะคนเหล่านี้เข้าทำมาหากินบนหลังเกษตรกร มากว่า 25 ปี ก่อนหน้านี้ไม่อยาก เมื่อนายกฤษฎา รู้ปัญหาทุกอย่างดี พวกเราจึงมาพบ" นายสุรชาติ กล่าว
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ให้คณะอนุกรรมการนมโรงเรียน ไปตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาปรับระบบโครงสร้างนมโรเรียนทั้งหมด โดยมี นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นประธาน ให้จบใน 30 วัน เพื่อดูว่าสมควรจะมีการทบทวนรื้อระบบการจัดหาอาหารเสริม (นมโรงเรียน) หรือไม่ เนื่องจากพบว่ามีการร้องเรียนว่า ผลผลิตนมดิบเกินกว่าความเป็นจริงที่ผลิตได้แต่ละวัน และส่งผลให้ตัวเลขการลงนามซื้อขายนมของนมพาณิชย์ และนมโรงเรียน ผิดไปจากข้อเท็จจริง จนเป็นช่องให้หาผลประโยชน์กับโครงการนี้ได้
"ให้ไปดูว่าระบบการจัดสรรนมโรงเรียนเหมาะหรือยัง หรือควรให้ท้องถิ่นดูแลเหมือนที่เคยทำ ซึ่งการเชิญเกษตรกรมาพบ และหลายฝ่ายมาพบ ก็บอกว่าระบบปัจจุบันดี แต่ตัวเลขนมไม่ถูก ตีโป่งกัน หรืออีกฝ่ายก็บอกว่า มีการทุจริตการเก็บตัวเลขที่ศูนย์รวบรวมนม ทำให้อ้างเอาโควตานมข้ามเขตมา หรือบางรายทำตัวเลขเท็จเพื่อจะได้ใช้อ้างสิทธิในนมอื่น ซึ่งจากที่ดูก็พบว่านมวันละ 3,100 ตันต่อวัน วัวนมประมาณ 5 - 6 แสนตัว แต่ตัวเลขเอ็มโอยู มีถึง 3,400 ตัน ไปเอาวัวจากที่ไหนมาผลิตน้ำนม ก็จะเห็นว่าระบบมีช่องโหว่" นายกฤษฎา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเชิญเกษตรกรมาร่วมหารือพบว่าได้มีการเสนอคลิปที่แอบถ่ายศูนย์รวมนมบางแห่งในจังหวัดภาคตะวันตกด้วย ว่ามีการนำรถขนส่งนม วนเข้าหลายครั้ง เพื่อให้มีการจดแจ้งผลผลิตนมเกินกว่าที่ผลิตได้จริง
นายปภณภพ เฉลิมกลิ่น ผู้จัดการสหกรณ์โคนมท่าม่วง กล่าวว่า ได้ไปถ่ายคลิปไว้ พบว่าจะมีการส่งนมในช่วงที่เจ้าหน้าที่มาจดบันทึกเพื่อให้ตัวเลขผลผลิตดูมากกว่าที่นมดิบจริง โดยเอกชนรายใหญ่ในภาคตะวันออก เป็นการไซฟอนนมดิบ ได้นำหลักฐานไปแจ้งความแล้วแต่ทางศูนย์รวบรวมนม ไม่ไปให้ปากคำและเป็นผู้มีอิทธิพลด้วย
ด้าน อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จะต้องหารูปแบบที่ดีที่สุดเพื่อเด็ก และเพื่อแก้ไขปัญหานมดิบของเกษตรกรด้วย เพราะกระทรวงเกษตรฯ ต้องดูแลทั้งหมด ซึ่งจะเสนอให้ทำระบบประมูลแบบอีอ๊อกชั่น โดยให้แต่ละจังหวัดรับผิดชอบตลอดต้นทางถึงปลายทาง และให้มีการประกันภัยระบบนมทั้งหมด
นายสุรชาติ กล่าวอีกว่า เรียกร้องให้คณะกรรมการนมโรงเรียนปรับโทษเอาผิดผู้ผลิตนมโรงเรียนให้เท่ากับโทษทางกฎหมายอาหารและยา ที่มีการปรับขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท พักโรงงาน 15 วัน เพื่อปรับปรุง เพราะโทษของนมโรงเรียนตัดสิทธิ 25% ของโควตาที่ได้รับตลอดภาคเรียน เป็นโทษที่เกินกว่ากฎหมาย อย.ทำให้เกิดขบวนการอีแร้ง ที่หากินกับคนอาชีพเดียวกัน กลั่นแกล้งยี่ห้ออื่นไปทำเสีย และตีข่าวเพื่อหวังฮุบโควตา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี