มาว่ากันต่อตอนสุดท้ายเรื่องพ.ร.บ.ข้าวฉบับใหม่...ความหวังใหม่ของชาวนา?
ดังเล่าไปแล้วว่า สนช.สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 25 คนนำโดยนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ได้ร่วมกันเสนอร่างพ.ร.บ.ข้าว ซึ่งโอ้อวดว่า เป็นกฎหมายที่จะ“ปฏิวัติ”และพัฒนาวงจรข้าวครบวงจรทั่วประเทศ มุ่งให้ความเป็นธรรมแก่ชาวนา ดูแลทั้งเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้คุณภาพ,ขายข้าวเปลือกไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ,จัดโซนนิ่งให้ผลิตข้าวได้ดี เป็นต้น ขณะที่นายกฯบิ๊กตู่ก็สนับสนุนเต็มที่..ซึ่งขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ปฏิกิริยาของผู้เกี่ยวข้องที่ผ่านมา ปรากฏว่า องค์กรชาวนา อาทิ สมาคมส่งเสริมชาวนาข้าวไทย,สมาคมส่งเสริมชาวนาและเกษตรกรไทย,สมาคมเครือข่ายชาวนาไทย,สมาคมส่งเสริมเกษตรกรชาวนาอีสาน และสมาคมเกษตรกรไทย มีท่าทีสนับสนุนชัดเจน...นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมส่งเสริมชาวนาข้าวไทย ระบุว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการออกกฎหมายลักษณะนี้ ที่จะเป็นเครื่องมือช่วยเหลือดูแลชาวนาให้สามารถต่อสู้กับต่างชาติและผู้ที่เอารัดเอาเปรียบได้ ต่อไปการใช้อำนาจมาบีบชาวนา จะทำไม่ได้อีก จึงเห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้และอยากให้ผลักดันสำเร็จภายในรัฐบาลสมัยนี้ด้วย
ขณะที่ภาคเอกชนผู้ประกอบธุรกิจข้าว อาทิ สมาคมโรงสีข้าวไทย, สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย,สมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว มีท่าที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายใหม่ที่จะเข้ามาควบคุม แทรกแซงระบบค้าข้าวมากเกินไป โดยเห็นว่า ปัจจุบันก็มี พ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ. 2489 แต่กฎหมายใหม่จะปรับเปลี่ยนการทำงานให้น้ำหนักกรมการข้าว กระทรวงเกษตรฯมากำกับดูแลแทน อาจจะไม่ทั่วถึงเท่ากรมการค้าภายในที่ดูแลอยู่เดิม..ที่สำคัญบริบทการค้าข้าวปัจจุบันต่างไปจากเดิม โรงสีต่างๆไม่สามารถกดราคารับซื้อข้าวได้เหมือนอดีต จึงไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายใหม่ที่เข้มงวดขนาดนี้
เช่นเดียวกับนักวิชาการที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับกฎหมายใหม่ โดยเฉพาะเนื้อหาหลายส่วนที่ส่อจะ “สร้างปัญหา” มากกว่า“แก้ปัญหา” ได้
ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ TDRI ชี้ปัญหาว่า กฎหมายนี้เป็นได้ยากในทางปฏิบัติ เพราะติดขัดขอบเขตอำนาจ,คน และงบประมาณ คือ 1.ไปล่วงอำนาจหลายหน่วยงาน เพราะเรื่องข้าวยังมีกรมการค้าภายในกำกับดูแลการซื้อขายตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ.2498 แต่กฎหมายใหม่กำหนดให้มี“คณะกรรมการข้าว”ขึ้นมา โดยให้กรมการข้าวเป็นฝ่ายเลขาฯ ซึ่งในทางปฏิบัติการอนุมัติงบฯจะไปที่หน่วยงาน ไม่ใช่ที่คณะกรรมการ เมื่อไม่มีงบประมาณ ก็บริหารจัดการไม่ได้
2) กฎหมายนี้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐกำกับดูแลการซื้อข้าว โดยเฉพาะการซื้อข้าวเปลือกระหว่างโรงสีกับเกษตรกร จนมีลักษณะว่าโรงสีเป็นผู้ร้ายที่จะไปกดราคา ซึ่งในทางปฏิบัติโรงสีเป็นกลไกหนึ่งในการรับซื้อข้าวเปลือกและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้วย หากรัฐจะไปกำกับดูแล ก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปนั่งประจำโรงสี คำถามคือ จะมีเจ้าหน้าที่เพียงพอหรือ? และประเด็นนี้อาจนำไปสู่การทุจริตด้านอื่น
3) การกำกับดูแลโดยกำหนด“ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวเปลือก”จะเป็นต้นทุนทางสังคม ส่วนการกำหนดบทลงโทษผู้ประกอบการที่กดราคารับซื้อ เป็นเหมือนกฎหมายสมัยก่อนที่มองพ่อค้าเป็นผู้ร้าย แต่ต้องเข้าใจว่า ปัจจุบันราคาข้าวเปลือกเป็นไปตามกลไกตลาด โรงสีมีจำนวนมาก แย่งกันซื้อ หากเกษตรกรผลิตข้าวคุณภาพดีมาขาย ก็ได้ราคาสูง แต่ถ้าคุณภาพไม่ดี ความชื้นสูงก็ได้ราคาต่ำ
ดร.นิพนธ์จึงเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องยกร่างกฎหมายใหม่ แต่ควรบังคับใช้กฎหมายเดิมให้เข้มข้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.)ปัจจุบันให้ตัวแทนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมด้วย พร้อมทั้งวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวระยะยาว
นอกจากนั้นยังมีนักวิชาการบางคนกังวลด้วยว่า กฎหมายใหม่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐมากเกินไป โดยเฉพาะเรื่องกำหนด“โซนนิ่ง” ซึ่งอาจจะเป็นผลเสียต่อชาวนาก็ได้ เมื่อต้องถูกบังคับให้ปรับเปลี่ยนไปปลูกข้าวพันธุ์ใหม่ หรือพืชอื่นที่ตัวเองไม่ถนัด เป็นต้น
อย่างไรก็ตามนายพีระศักดิ์ พอจิตร รองประธาน สนช.ยอมรับว่า กฎหมายฉบับนี้มีทั้งเสียงตอบรับและปฏิเสธ สนช.ต้องการความเห็นทุกภาคส่วน นำประสบการณ์มาหลอมรวมกัน เพื่อปรับแก้ให้เกิดประโยชน์กับทุกห่วงโซ่เรื่องข้าว ตั้งแต่ต้นน้ำ, กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ดังที่นายกฯบิ๊กตู่ระบุไว้... ดังนั้นหากทำสำเร็จ ก็จะถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของสนช.ชุดนี้
สำหรับผมเองอยากให้กฎหมายออกมาดี สามารถบังคับใช้ได้จริง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและวงการข้าวไทย ฉะนั้นต้องใจเย็น รับฟังความเห็นทุกฝ่าย...ขอให้ปรับแก้ให้ดีที่สุดครับ
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี