ศพก. ย่อมาจาก ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ต้องการให้มีศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรระดับชุมชนอย่างน้อยอำเภอละ 1 ศูนย์ รวม 882 อำเภอ ขณะนี้จึงมี ศพก. รวม 882 ศูนย์
ในเมื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตร คสช. จึงมอบหมายให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ดูแล กระทรวงเกษตรฯ เหลียวซ้ายแลขวา เพื่อที่จะมอบหน่วยงานในสังกัดให้เป็นผู้ขับเคลื่อนศูนย์นี้ให้มีชีวิต จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก กรมส่งเสริมการเกษตร ที่มีขุนพลผู้ปฏิบัติงานอยู่ถึงระดับตำบล
ศพก. จัดตั้งโดยการคัดเลือกเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีการผลิต และสามารถแก้ปัญหาการผลิตพืช หรือสินค้าของตนเองได้ รวมทั้งสามารถถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ของตนเองให้เพื่อนเกษตรกรด้วยกันเข้าใจได้ เป็นเกษตรกรต้นแบบให้กับเกษตรกรอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ในการจัดตั้งก็จะใช้แปลง หรือพื้นที่ของเกษตรกรต้นแบบนั้นเป็น ศพก. เพื่อให้เป็นจุดศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการเกษตรในระดับชุมชน เกษตรกรในชุมชนเข้าถึงง่าย สามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เทคโนโลยีต่างๆ ในแปลงผลิตนั้นๆได้ โดยใช้ความรู้ และประสบการณ์จากเกษตรกรต้นแบบ ร่วมกับความรู้ทางวิชาการที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯหลายหน่วยงานเข้าไปเพิ่มเติมให้
ศพก. ยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเกษตรกร เป็นแหล่งให้บริการทางการเกษตรข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวทางการเกษตรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ เรียกได้ว่า ศพก.เป็นศูนย์รวมทุกสิ่งทุกอย่างของกระทรวงเกษตรฯ
ศพก. บริหารงานโดยคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย เกษตรกรต้นแบบ เกษตรกรในชุมชน เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรอำเภอ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มีการเลือกประธาน ศพก. ระดับจังหวัด ไปเลือกตั้งคณะกรรมการ ศพก. ระดับประเทศ ทำหน้าที่เป็นตัวแทน ศพก. ทั้งประเทศ ในการสะท้อนความต้องการของเกษตรกรไปสู่รัฐบาล และรับนโยบายของรัฐบาลมาดำเนินการ โดยเฉพาะการพัฒนาการผลิตสินค้าของเกษตรกรในชุมชนให้ก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพได้มาตรฐานดูตามหลักการที่ว่ามา ศพก. ก็ดูเหมือนจะเป็นอนาคตของการขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรที่มีศักยภาพ แต่ในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้แค่ไหน คงต้องดูกันยาวๆ ไป
สมัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ชื่อ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ให้ความสำคัญกับศพก. มาก ขนาดให้มีการประชุม ศพก. ทุก ศพก. เป็นประจำทุกปี เพื่อพูดคุย และให้แนวคิดในการขับเคลื่อน ศพก. ให้เป็นกลไกในการพัฒนาการเกษตรของประเทศ ให้ความสำคัญพอๆ กับแปลงใหญ่ และเกษตรกรรุ่นใหม่หรือ Young Smart Farmer ที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงอยู่บ่อยๆ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กฤษฎา บุญราชซึ่งคลุกคลีอยู่กับพื้นที่มาก่อน รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับ ศพก. เช่นเดียวกัน จึงต้องมาเคี่ยวเข็ญ กับเกษตรจังหวัด และเกษตรอำเภอให้ขับเคลื่อน ศพก. ให้เดินไปข้างหน้าให้ได้
ตั้งแต่ปี 2560 มีการพัฒนาศูนย์ที่ชุมชนจัดตั้งขึ้นและเกี่ยวข้องกับการเกษตรขึ้นมาเป็นศูนย์เครือข่ายของ ศพก. เช่น ศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน ศูนย์เรียนรู้ด้านประมง ศูนย์เรียนรู้ด้านปศุสัตว์ ศูนย์เรียนรู้บัญชีครัวเรือน ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินและปุ๋ยชุมชน ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น โดยมีเป้าหมายให้แต่ละ ศพก. มีศูนย์เครือข่ายอย่างน้อย 10 ศูนย์ ศูนย์เครือข่ายเหล่านี้ จะเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรอื่นๆ นอกเหนือจาก ศพก. ซึ่งเป็นศูนย์หลัก
ในอนาคต กระทรวงเกษตรฯ จะผนึกกำลัง ศพก. แปลงใหญ่ และเกษตรกรรุ่นใหม่เข้าด้วยกัน โดยการเชิญชวนให้เกษตรกรรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้ด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพจาก ศพก. และให้เกษตรกรรุ่นใหม่เป็นสมาชิกกลุ่มที่ทำการผลิตในระบบแปลงใหญ่ เพื่อใช้พลังความคิด ความรู้ความสามารถด้านการตลาดที่ทันสมัย ผลักดันให้สินค้าที่ผลิตมีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการของตลาดต่อไป
เป็นห่วงอยู่อย่างเดียว ในช่วงเวลาที่ปี่กลองการเมืองเริ่มขยับ และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าการหาเสียงเลือกตั้ง สส. คงเข้มข้นน่าดู...โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เกรงว่า ศพก. จะถูกใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง จนไม่เป็นอันทำมาหากิน (ทางการเกษตร) เลยทีเดียว...มีคนกระซิบบอกมาว่า มีคนแอบไปหาเสียงกับ ศพก. มาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้...ส่วนเป็นใครนั้น ไม่บอก...ปล่อยให้งง....อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรคนใหม่ ต้องตั้งหลักให้ดี.....นะขอรับ
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี