บิ๊กฉัตรลงพื้นที่ประจวบฯ เร่งขับเคลื่อน 2 โครงการพระราชดำริ
27 ก.ย.61 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) , นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เดินทางไปตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อสร้างคุณภาพชีวิต รายได้ และความสุขอย่างยั่งยืน และตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในช่วงฤดูฝน ฤดูแล้ง ปี 2561/62 ณ บริเวณสถานที่ก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และโครงการบรรเทาอุทกภัยบางสะพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับ
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า รัฐบาลได้น้อมนำพระราชกระแสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ทรงให้ติดตาม ขับเคลื่อน และเร่งรัด รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรค การดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ บังเกิดประโยชน์สูงสุดกับราษฎร และเพื่อให้โครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริสำเร็จตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ในการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ในส่วนของพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็เช่นเดียวกัน รัฐบาลได้เห็นชอบให้กรมชลประทานดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สำคัญ 2 โครงการคือโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการบรรเทาอุทกภัยบางสะพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า โครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอูอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น เป็นการพัฒนาต่อเนื่องจาก อ่างเก็บน้ำห้วยป่าเลา ที่ก่อสร้างโดยสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.)แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2526 มีความจุเพียง 1.9 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เนื่องจากเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ทำให้ไม่สามารถสนองตอบความต้องการใช้น้ำของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ ต่อมาในปี 2554 กรมชลประทานได้ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่จะดำเนินการสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู ในพื้นที่ตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่หมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ
“ขณะนี้ กรมชลประทานได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู แล้ว โดยได้รับงบประมาณปี 2560 จาก สำนักงาน กปร.มาดำเนินเตรียมความพร้อมในเบื้องต้น จากนั้น ตั้งแต่ปี 2561 ได้รับงบปกติในการดำเนินงานคาดว่าแล้วเสร็จปี 2564 เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ในปี 2665 โดยในปัจจุบันมีความก้าวหน้า 9.92% เมื่อโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้วเสร็จ จะสามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 10.46 ล้าน ลบ.ม. สามารถส่งน้ำช่วยเหลือราษฎรสร้างความมั่นคงในพื้นที่หมู่ที่ 3 และหมู่บ้านใกล้เคียงในตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ จำนวน 1,095 ครัวเรือน ประชากรประมาณ 3,250 คน มีพื้นที่รับประโยชน์ 6,490 ไร่ รวมถึงครูและนักเรียนของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนนเรศวรป่าละอู ให้มีแหล่งน้ำใช้สำหรับการอุปโภค-บริโภคอย่างพอเพียง นอกจากนี้จะทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดประจวบศีรีขันธ์ ที่มีจุดเด่นไม่เหมือนอ่างเก็บน้ำอื่น ๆ ตรงที่มีสันเขื่อนเดิมอยู่กลางอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่ง” เลขาธิการ สทนช.กล่าว
ส่วนโครงการบรรเทาอุทกภัยบางสะพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นการดำเนินงานตามนโยบาย ของรัฐบาลที่ให้น้อมนำศาสตร์พระราชามาดำเนินการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำในพื้นที่โดยเร็ว เนื่องจากอุทกภัยในช่วงปลายปี 2559 ต่อเนื่องต้นปี 2560 ในพื้นที่อำเภอบางสะพาน รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมชลประทานนำผลการศึกษาโครงการบรรเทาอุทกภัยและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่อำเภอบางสะพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ได้ศึกษาไว้เมื่อปี 2555 มาดำเนินการสำรวจ ออกแบบ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งประกอบด้วยการก่อก่อสร้างแหล่งเก็บน้ำขนาดกลาง 2 แห่ง คืออ่างเก็บน้ำไทรทอง มีความจุ 13.36 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 และอ่างเก็บน้ำคลองลอยตอนล่างจะเริ่มก่อสร้างในปี 2564 มีความจุ 17.46 ล้าน ลบ.ม. เพื่อตัดยอดน้ำในลำน้ำสาขาก่อนใหลลงคลองบางสะพาน
พร้อมทั้งทำการขุดขยายคลองเดิม คือ คลองบางสะพาน คลองแม่รำพึง และคลองปัตตามัง-เขาม้าร้อง รวมทั้งก่อสร้างคลองผันน้ำสายใหม่อีก 3 สาย เพื่อรองรับการระบายน้ำให้ได้มากกว่า 1,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางสะพานที่เกิดขึ้นเป็นประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินโครงการนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการขุดลอก ขยายคลองเดิมให้สามารถระบายน้ำได้ 525 ลบ.ม./วินาที พร้อมก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ 3 แห่ง ส่วนคลองผันน้ำสายใหม่อยู่ระหว่างการจ่ายค่าชดเชยที่ดิน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2563 เมื่อดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการจะสามารถระบายน้ำได้ 1,025 ลบ.ม./ วินาที และสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักจากเดิมได้อีกประมาณ 30.82 ล้าน ลบ.ม. ใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตรในพื้นที่ได้อย่างพอเพียง ในส่วนของความก้าวหน้าการดำเนินการปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันทำการปรับปรุงแล้วเสร็จจำนวน 15 แห่ง (สำรวจพบ 16 แห่ง) และอยู่ระหว่างดำเนินการ 1 แห่ง” เลขาธิการ สทนช. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี