1 ต.ค.61 สภาพภูมิประเทศระหว่างไทยกับเนเธอร์แลนด์ บางส่วนคล้ายกัน โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยเป็นที่ราบต่ำ โดยมีพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่กี่เซ็นติเมตร ในขณะเนเธอร์แลนด์ ได้ชื่อเป็นประเทศที่มีพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1 ใน 4 ของทั้งประเทศ ท่ามกลางปัญหาใหญ่นี้เนเธอร์แลนด์ กลับสั่งสมความรู้ในการแก้ไขปัญหาจนกลายเป็นประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านน้ำ การบริหารจัดการน้ำ และนวัตกรรมเป็นที่เลื่องลือและยอมรับกัน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ เยือนเนเธอร์แลนด์อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2440 หลังจากนั้นพระองค์เสด็จฯ ชวา (อินโดนีเซีย) ซึ่งเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์หลายครั้ง ทรงหมายตาเรื่องการจัดการน้ำที่เนเธอร์แลนด์เข้าไปจัดการในชวา ซึ่งชวายุคนั้นมีระบบการจัดการน้ำที่ทันสมัยและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรอย่างมีนัยสำคัญปี 2445 พระองค์ทรงจัดตั้งกรมคลองและทรงขอยืมตัว นายเย โฮมัน วัน เดอร์ ไฮเด วิศวกรชลประทานชาวดัตช์ที่ทำงานที่นั่น มารับตำแหน่งเจ้ากรมคลองคนแรกของสยาม ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกรมชลประทานถึงปัจจุบัน และนายช่างชาวดัตช์ผู้นี้ ช่วยวางแผนการสร้างพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาเป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญของประเทศ โดยเสนอก่อสร้างเขื่อนทดน้ำเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท นั่นเอง
เนเธอร์แลนด์กับไทยจึงมีความสัมพันธ์อันดีเรื่อยมาและมีความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำกับหน่วยงานของไทยหลายหน่วย อาทิกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรุงเทพมหานคร สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตร เป็นต้นหลังมหาอุทกภัยปี 2554 เนเธอร์แลนด์ได้เข้ามาช่วยเหลือในการบริหารจัดการอุทกภัยกับหน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว รวมทั้ง เมื่อปี 2559 เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบเอกสารโครงการบริหารจัดการน้ำของเนเธอร์แลนด์ ให้พิจารณาใช้ประโยชน์เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน ยังได้เชิญ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปเยือนเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 17-21 กันยายน 2561
“นอกจากกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว ยังแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมและประสบการณ์การบริหารจัดการน้ำ จากประเทศต้นแบบที่มีความเชี่ยวชาญในระบบการจัดการป้องกันน้ำท่วมที่โดดเด่นและได้มาตรฐาน อีกทั้งยังจะพัฒนาไปสู่ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร ภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
พล.อ.ฉัตรชัย ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลไทยได้จัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นหน่วยงานกลางกำกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศ เมื่อปลายปี 2560 การดูงานครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำเทคโนโลยี องค์ความรู้มาประยุกต์ใช้เช่นเดียวกับนโยบายการพัฒนาคลองและพื้นที่ริมคลองของไทย ให้เกิดประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวอย่างเต็มศักยภาพ
ทางด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากการพบปะกับรัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการน้ำของเนเธอร์แลนด์แล้ว ยังรับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับน้ำของเนเธอร์แลนด์ เช่น ไรจ์วอเตอร์สตาร์จ (Rijkwaterstaat) ดัทชวอเตอร์บอร์ด (Dutch Water Board) สถาบันเดลต้าเรส (Deltares) สถาบันอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งการดูงานการป้องกันน้ำท่วมโดยใช้คันกั้นน้ำ และดูการจัดระเบียบคลองและชุมชนสองฝั่งคลอง
“เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องระบบการจัดการน้ำและการจัดโครงสร้างของหน่วยงานบริหารจัดการน้ำของประเทศ อีกทั้งเขามีระบบการติดตามพยากรณ์อากาศที่แม่นยำรายชั่วโมงเลยทีเดียว ทำให้การบริหารจัดการน้ำมีความโดดเด่นมาก ในขณะที่เราเองได้จัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ขึ้นมา มีแผนยุทธศาสตร์ในหลายมิติที่จะแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่บูรณาการ แผนงานโครงการที่เป็นระบบและการมีส่วนร่วมของประชาชนในระดับลุ่มน้ำที่จะมีบทบาทแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ รวมทั้งในภาวะวิกฤติเราเองใช้การจัดตั้งคณะทำงานแบบรวมศูนย์ ให้หน่วยงานเข้ามามีบทบาทตามหน้าที่”
ดร.สมเกียรติ ย้ำด้วยว่า การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทำให้เนเธอร์แลนด์สามารถแก้ไขปัญหาน้ำได้ ทั้งที่มีพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ซึ่งจุดต่ำสุดมีความลึกถึง 7 เมตรทีเดียว
“กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีลักษณะใกล้เคียงกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีข้อกังวลว่าจะจมใต้บาดาลนั้นก็เรื่องดีที่ห่วงใย แต่เมื่อเรามีแผนงานจัดการที่เป็นระบบและชัดเจนก็เชื่อว่าสามารถแก้ไขปัญหาน้ำได้เช่นเดียวกับเนเธอร์แลนด์” เลขาธิการ สทนช.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี