1 ต.ค.61 จากกรณี น.ส.ขวัญตา ดีบุตร อายุ 29 ปี อาชีพนางรำคณะงิ้ว ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 23/13 หมู่1 ต.เกาะปันหยี อ.เมือง จ.พังงา พร้อมสามี ได้เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช เพื่อให้ช่วยติดตามหาแม่บังเกิดเกล้า ชื่อนางร้อเสีย ดีบุตร อายุประมาณ 50 ปี ที่พลัดจากกันตั้งแต่ น.ส.ขวัญตา เกิดได้ไม่นาน จนถึงปัจจุบันอายุ 29 ปี แต่ยังไม่เคยเห็นหน้าแม่ ไม่เคยเห็นและรู้ว่าพ่อเป็นใคร เมื่อวันที่ 23 ก.ย.61 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด หลังจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก น.ส.ขวัญตา ดีบุตร จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกตามหานางร้อเซีย ดีบุตร แม่บังเกิดเกล้า ทราบว่าทำงานและอาศัยอยู่ใน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ มีการนำเสนอข่าวการออกตามหาแม่บังเกิดเกล้าของ น.ส.ขวัญตา ดีบัตร กระทั้งมีนางจุฑาทิพย์ พูลช่วย ชาวบ้าน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้ติดต่อมายังศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่านางร้อเซีย ดีบุตร บุคคลที่ น.ส.ขวัญตา ดีบุตร ตามหาอยู่นั้น ปัจจุบันอาศัยอยู่กับตน และทราบว่านางร้อเซีย ดีบุตร ก็ตามหา น.ส.ขวัญตา ดีบุตร บุตรสาวเช่นกัน จึงมีการประสานงานเพื่อให้ น.ส.ขวัญตา ดีบุตร และนางร้อเซีย ดีบุตร สองแม่ลูกที่พลัดพรากจากกันมานาน 29 ปี ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก
กระทั้งเมื่อเวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา น.ส.ขวัญตา ดีบุตร ได้เดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยขอลางานจากหัวหน้าคณะงิ้ว และเบิกเงินค่าเดินทางล่วงหน้ากับหัวหน้าคณะงิ้ว เพื่อมาพบแม่บังเกิดเกล้าที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ภายในศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดย น.ส.ขวัญตา ดีบุตร เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง ลงที่สถานีขนส่งจังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นสมาชิกสมาคมสื่อมวลชน เดินทางไปรับ ขณะที่นางร้อเซีย ดีบุตร แม่บังเกิดเกล้า ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยใต้เต๊กตึ้งสิชล นำรถไปรับนางร้อเซีย ดีบุตร ให้มาพบบุตรสาว ที่สมาคมสื่อมวลชน
เมื่อนางร้อเซีย ดีบุตร พบกับน.ส.ขวัญตา ดีบุตร บุตรสาวที่พลัดพรากจากกันนาน 29 ปี เป็นครั้งแรก ในวินาทีนั้นแม่ลูกทั้งสองได้โผเข้ากอดและร่ำไห้ด้วยความดีใจ ก่อนจะพูดระบายความในใจของทั้งสองฝ่ายทั้งน้ำตา ท่ามกลางความตื่นตันใจของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยใต้เต็กตึ๊งสิชล รวมทั้งสื่อมวลชนที่อยู่ในเหตุการณ์
นางร้อเซีย ดีบุตร กล่าวเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนไม่ได้ทิ้งลูก ไม่ได้ขายแลกลูกด้วยเหล้า 1 ขวด บุหรี่ 1 ซอง และเงิน 200 บาท สาเหตุที่พลัดพรากจากกับลูก เริ่มต้นช่วงที่ตนอายุ 23 ปี ตนทำงานอยู่ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี เป็นเด็กนั่งดริ้ง กระทั่งผ่านมา 3 เดือน จึงรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง ก่อนจะออกจากงานร้านคาระโอเกะที่จังหวัดปัตตานี และไปคลอดบุตรสาวที่จังหวัดยะลา
หลังจากคลอดบุตรสาว ตนได้มาทำงานที่ร้านคาราโอเกะ ที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พร้อมฝากลูกสาวให้เพื่อนสาวสนิทชื่อติก เลี้ยงดูแล เพราะเห็นว่าเพื่อนของตนรักและเอ็นดูบุตรสาวของตน โดยตนส่งเสียค่าเลี้ยงดูเดือนละ 2,000 บาท ส่วนตนก็ทำงานที่ร้านคาราโอเกะ กระทั้งตนมีสามี หลังจากนั้นสามีของตนมีเรื่องทะเลาะกับเจ้าของร้านคาราโอเกะ ตนจึงลาออกจากร้านคาราโอเกะ เพื่อหางานใหม่ที่ อ.ท่าศาลา ในระหว่างนั้นตนบอกกับเพื่อนสนิท ว่าให้นำบุตรสาวของตนมาส่งที่ อ.ท่าศาลา แต่ปรากฏว่าเพื่อนสาว กลับพาบุตรสาวของตนหนีหายไป ไม่สามารถติดต่อได้เลย ที่ผ่านมาตนตามหาบุตรสาวมาตลอด ทั้งที่บ้านของเพื่อน ที่จังหวัดพังงา แต่ก็ไม่พบและทราบว่าเพื่อน ได้นำบุตรสาวของตนไปอยู่ที่จังหวัดสระบุรี ตนก็ออกตามหาแต่ก็ไม่พบเช่นกัน กระทั้งทราบว่าเพื่อนของตนเสียชีวิตแล้ว และมีคนบอกว่าบุตรสาวของตน ถูกนำไปขายที่ประเทศมาเลเซียแล้ว
นางร้อเซีย เล่าทั้งน้ำตาอีกว่า ตนไม่เคยคิดที่จะขายลูกและทิ้งลูก แต่ด้วยความไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง เพราะตนต้องทำงานที่ร้านคาราโอเกะ จึงฝากลูกให้เพื่อนเลี้ยง พร้อมส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวให้กับเพื่อนเดือนละ 2,000 บาทมาตลอด กระทั้งลูกสาวของตนถูกเพื่อนพาหนีหายไป ตนดีใจมากที่ทราบว่าลูกสาวไม่ได้ถูกขายไปประเทศมาเลเซีย และลูกสาวก็ตามหาตนเช่นกัน ด้วยความไม่พร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายตามหา เพราะตนมีรายได้ไม่มากนัก
ปัจจุบันทำงานรับจ้างปอกกุ้งที่แพปลาแห่งหนึ่ง และเก็บของเก่าขาย ใน อ.สิชล เพื่อประทังชีวิต หลังจากนี้ตนกับลูกสาวจะได้อยู่ด้วยกันและเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ช่วยกันทำงานเลี้ยงดูกันและกัน ตนดีใจเป็นอย่างมากที่ได้พบลูกสาวอีกครั้ง ต้องขอขอบคุณสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ที่เป็นสื่อกลางให้ตนและลูกสาวได้พบกัน หลังจากต้องพลัดพรากกันมานาน 29 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี