4 ต.ค.61 กองทัพเรือ เตรียมพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิในประเทศอินโดนีเซีย โดยในวันนี้ (4 ต.ค.) พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิในประเทศอินโดนีเซีย โดยสั่งการให้พร้อมที่จะเดินทางภายใน 2 ชั่วโมงทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากรัฐบาล โดยมี น.อ.เสฏฐศิริ แสงสุวรรณ หัวหน้ากองกองแผน กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติในการซักซ้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัย (HADR) ที่โรงเรียนนาวิกเวชกิจ กรมแพทย์ทหารเรือ
ทั้งนี้ ตามที่กองทัพเรือ ได้สั่งการให้กรมแพทย์ทหารเรือเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัยให้กับประเทศอินโดนีเซีย โดยจัดเตรียมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ระดับสูงในภาวะภัยพิบัติจำนวน 2 ชุด พร้อมสิ่งอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ ให้พร้อมเคลื่อนย้ายได้ภายใน 2 ชั่วโมงนั้นถือได้ว่าเป็นบททดสอบที่ท้าทายมากสำหรับกำลังพล
หลังจากมีคำสั่งการ ทางกรมแพทย์ทหารเรือได้ยืนยันการปฏิบัติถึงความพร้อมในการเตรียมการว่า สามารถปฏิบัติได้ภายใน 2 ชั่วโมง เมื่อมีการสั่งการจากผู้บัญชาการทหารเรือ เนื่องด้วยกรมแพทย์ทหารเรือได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ขั้นการวางแผน และการทำแผนปฏิบัติการด้านการแพทย์สนับสนุนการบรรเทาสาธารณภัย การพัฒนากำลังพลสายแพทย์ให้มีขีดความสามารถในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการฝึกอบรมกำลังพลสายแพทย์ทั้งในประเทศ
ได้แก่ หลักสูตรการปฏิบัติฉุกเฉินทางการแพทย์ในภาวะภัยพิบัติ กองวิทยาการ ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ และต่างประเทศ ได้แก่ หลักสูตร Health Aspects of Disasters ประเทศออสเตรเลีย รวมทั้งมีการฝึกทบทวนความพร้อม เพื่อเพิ่มความชำนาญอยู่ตลอดเวลา ได้แก่ การฝึกบรรเทาสาธารณภัย กรมแพทย์ทหารเรือ การฝึกกองทัพเรือ ด้านการบรรเทาสาธารณภัย การฝึก Cobra Gold และ CARAT ด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย
รวมทั้งจากประสบการณ์จริงจากการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือในอดีต ทั้งเหตุการณ์ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์ ในปี 2547 เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ในปี 2554 เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในปี 2560 และเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จ.ังหวัดชียงราย ปี 2561 รวมทั้งมีประสบการณ์ในการเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุดในการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในอดีต ทั้งประเทศเมียนมา และฟิลิปปินส์ จากปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้กรมแพทย์ทหารเรือมีขีดความสามารถในการปฏิบัติภายใน 2 ชั่วโมงเมื่อได้รับการสั่งการจากผู้บัญชาการทหารเรือ
นอกจากนั้น ในการประชุมผู้บัญชาการทหารเรือในระดับภูมิภาคที่ผ่านมา 1 ในมติในการประชุมที่เห็นชอบร่วมกันคือการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพเรือในอาเซียน ในการเกิดภัยพิบัติดังกล่าวกับชาติสมาชิก
จากเหตุการณ์ภัยพิบัติ ณ ประเทศอินโดนีเซีย กองทัพเรือได้มีการเฝ้า สถานการณ์ อยู่ตลอดเวลา จึงได้มีการสั่งการกรมแพทย์ทหารเรือได้กำลังพลและเวชภัณฑ์ให้มีความเหมาะสม จากเหตุการณ์ปัจจุบัน ความเสียหายและภัยยังไม่ยุติลง กรมแพทย์ทหารเรือได้เตรียมชุดปฏิบัติการทางการแพทย์ดังนี้ 1.ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ระดับสูงในภาวะภัยพิบัติ Medical Emergen-cy Response Team (MERT) จำนวน 2 ชุด จัดจากโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาล.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งมีขีดความสามารถในการคัดแยกและให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยเจ็บในภาวะฉุกเฉินได้ตามความเร่งด่วนของอาการป่วยเจ็บ สามารถทำหัตถการเพื่อช่วยชีวิตในภาวะเร่งด่วนได้ และเตรียมผู้ป่วยเจ็บเพื่อนำส่งไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสม เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ มีความสามารถในการให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยในพื้นที่
และ 2.ชุดปฏิบัติการเวชกรรมป้องกัน Preventive Emergency Response Team (PERT) จากกองเวชกรรมป้องกัน กรมแพทย์ทหารเรือซึ่ง ขีดความสามารถให้การบริการด้านเวชกรรมป้องกันด้านสุขาภิบาล ระบาดวิทยา และอาชีวอนามัยให้แก่ ประชาชนและหน่วยปฏิบัติการต่างๆตลอดห้วงระยะเวลาปฏิบัติงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี