สธ.แจงบัตรทองปี’62
บริการได้เยี่ยมกว่าเดิม
“หมอปิยะสกล” ชี้แจงทิศทาง “งบบัตรทอง ปี 2562” ย้ำผลสำเร็จ 16 ปี ไม่ได้มาเพราะโชค แต่เกิดจากความร่วมมือ
มุ่งเป็นหนึ่งเดียวเพื่อหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พร้อมย้ำ รัฐบาลนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ หนุนดูแลสุขภาพคนไทย ช่วง 4 ปี เปลี่ยนแปลงที่ดีชัดเจน เผยปีงบประมาณ 2562 ปรับปรุง พัฒนาเพื่อประชาชนเข้าถึงบริการดีที่สุด
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2562 ว่า ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่เรามีหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จากวันนั้นถึงวันนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากทั้งด้านบวกและลบ แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นเพื่อทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี เจ้าหน้าที่มีความสุขและระบบสุขภาพยั่งยืน ทำให้เดินหน้ามาถึงวันนี้ ซึ่งในช่วง 4 ปีภายใต้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีจากเดิมไปมาก
จากที่เคยมีความเห็นต่างได้นำมาสู่ความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบร่วมกัน มีการบูรณการทำงานทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีที่สุดภายใต้งบประมาณที่มีอยู่และบริบทสังคมไทย โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้มุ่งเน้นการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคและการคุ้มครองสิทธิประชาชนในการเข้าถึงบริการเป็นอันดับ 1 จัดสรรงบสนับสนุนชัดเจน แยกจากงบเหมาจ่ายรายหัวที่เป็นหลักการสำคัญ ดูแลประชากรทุกกลุ่มวัย
อย่างไรก็ตามด้วยความที่ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น จึงมุ่งเน้นไปยังการดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น มีการดำเนินงานกองทุนระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงที่เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และปีนี้จะมีการปรับกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเอื้อต่อการดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น แต่ด้านความเจ็บป่วยคงเป็นเรื่องที่หลีกไม่พ้น จึงต้องจัดบริการรักษาพยาบาลดูแลต่อเนื่อง และให้เข้าถึงบริการได้
“ที่ผ่านมามีนโยบายหมอครอบครัว มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ เชื่อมโยงดูแลสุขภาพและรักษา พร้อมมีระบบการส่งต่อ ซึ่งได้พัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันมีทีมหมอครอบครัวจำนวน 800 ทีมกระจายอยู่ทั่วประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญต่อสุขภาพประชาชนอย่างมาก 2 ปีที่ผ่านมาได้จัดสรรงบกลางเพิ่มเติมสู่ระบบ ไม่เพียงทำให้ระบบมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ทำให้หน่วยบริการมีความมั่นใจในการเบิกจ่ายชดเชย ส่งผลให้ประชาชนได้รับบริการอย่างครอบคลุมและทั่วถึง” นพ.ปิยะสกล กล่าว
รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อไปว่า หลักประกันสุขภาพแห่งชาติไทยไม่ได้มาเพราะโชค เกิดจากเราทุกคนและทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นตัวอย่างให้กับนานาประเทศ และจากคำขวัญที่ว่า “One for All for one UHC” หรือความมุ่งมั่นเป็นหนึ่งเดียวเพื่อหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เกิดจากการทำงานร่วมกัน และในปีงบประมาณ 2562 หลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ปรับปรุงและพัฒนาสิ่งใหม่พอควร ซึ่งงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นของประชาชน การบริหารต้องคืนสู่ประชาชนและให้มีมูลค่ามากกว่างบที่ได้รับมา
ขณะที่ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ปี 2562 กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้รับงบประมาณจำนวน 181,584 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2561 จำนวน 6,024 ล้านบาท ได้ปรับปรุงและพัฒนาระบบโดยยึดหลักการสำคัญ ทั้งการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นให้กับประชาชน สนับสนุนการบริการของหน่วยบริการที่อยู่ในระบบ และความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายต่างๆ ในระดับพื้นที่ โดยประเด็นที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
อาทิ ปรับให้เบิกจ่ายการตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ใหญ่ตามผลงานจริง กันวงเงินระดับประเทศ 100 ล้านบาท เพื่อเกลี่ยค่าน้ำหนักสัมพันธ์กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม และการกำหนดอัตราจ่ายคงที่ทั้งปีจำนวน 8,050 บาทต่อ AdjRW, เพิ่มสิทธิประโยชน์วัคซีนรวมป้องกัน 5 โรค, เพิ่มการจ่ายค่าบริกาตามผลงานจริงในรายการที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงบริการ และการปรับประสิทธิภาพบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่จะมีการปรับปรุงประกาศฉบับใหม่, เพิ่มวัคซีนพิษสุนัขบ้าในกลุ่มยาจำเป็น,
เพิ่มรายการยาตามบัญชียา จ.(2) ได้แก่ ยาราลเท็คกราเวียร์ และยาบีวาซิซูแมบ และเพิ่มรายการถุงอุจจาระโคลอสโตมี่เป็นอุปกรณ์และอวัยวะเทียมเพื่อเบิกจ่ายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้กับผู้ป่วย นอกจากนี้ปี 2562 ยังได้พัฒนาเพื่อดูแลผู้ป่วย อาทิ การดูแลผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง โดยปรับปรุงบริการเน้นการควบคุมป้องกันภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ขณะเดียวกันยังได้ปรับสัดส่วนการจ่ายชดเชยบริการปฐมภูมิเพื่อสนับสนุนคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster: PCC) เพื่อสนองต่อนโยบายรัฐบาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี