โยนผิด‘มอญ’ฆ่าหมี
อส.สารภาพต่อหน้า‘ศรีวราห์’
ไม่ได้ซื้อซากจากชาวบ้าน
ลุง‘ปลัดแมน’รุดมอบตัว
อ้างบริสุทธิ์ไม่ได้หลบหนี
“อาสาฯออย” หนึ่งในผู้ต้องหาคดี “ล่าหมีขอ” ผวา หลังเจอ “ศรีวราห์” ลุยสอบเอง สารภาพสิ้นไส้ แก๊งออฟโรดเข้าป่าล่าสัตว์จริง แต่ไม่ได้ลั่นไกสังหาร โยน “ตาต้า” หนุ่มมอญ ผู้ดูแลสำนักสงฆ์เต่าดำเป็นคนยิง แล้วตัดอุ้งเท้าใส่ไว้ในรถ ไม่ได้ไปซื้อมาจากชาวบ้าน ส่วนอาวุธปืนจะเอาไปยิงแก้บน ด้าน“ลุงปลัดแมน”รุดพบตำรวจ อ้างไม่ได้หนี และไม่รู้จักใคร
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ตุลาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาที่ สภ.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าพร้อมตรวจสำนวนในคดีที่ นายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือ ปลัดแมน ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี พร้อมพวกรวม 12 คน ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค บุกจับกุมขณะเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยมีของกลางเป็นปืนและกระสุนจำนวนมาก รวมทั้งซากขาของหมีขอ เป็นหลักฐานสำคัญ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาในคดีทั้งหมดด้วยตนเอง และภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบิกตัว นายอนุสรณ์ เรือนงาน หรือ อส.ออย อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอด่านมะขามเตี้ย 1 ในผู้ต้องหา ออกมาเพื่อทำการสอบปากคำ ปรากฏว่า นายอนุสรณ์ เกิดความหวาดหวั่นและประหม่า ทันทีที่เจอกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ พอคาดคั้นไม่กี่คำเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพว่า แก๊งออฟโรดทั้งหมดเข้าไปในป่าอุทยานฯ เพื่อล่าสัตว์จริง แต่คนที่ลั่นไกสังหารหมีขอคือ นายตาต้า (ไม่มีนามสกุล) ชาวมอญ ซึ่งเป็นผู้ดูแลสำนักสงฆ์เต่าดำ ซึ่งตอนแรก นายตาต้า ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า แก๊งออฟโรด จัดเตรียมอาหารสดมาประกอบอาหารในครัวของสำนักสงฆ์เอง
นายอนุสรณ์ ให้การว่า ได้นำอาวุธปืนลูกกรด .22 ติดกล้องพร้อมเครื่องเก็บเสียง ซึ่งเป็นของเพื่อน ที่เป็นอดีตนายทหารนอกราชการนายหนึ่ง ไปให้นายตาต้า นำออกไปยิงหมีขอ โดยนายตาต้า ได้ไปกับ นายจิระ(ไม่มีนามสกุล) ชาวมอญ คนงานภายในสำนักสงฆ์ ซึ่งจุดที่ยิงห่างไปจากสำนักสงฆ์ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งตนไม่ได้ไปด้วย และ นายวัชรชัยก็ไม่ได้ไปด้วยเช่นกัน โดยนายจิระ เป็นผู้นำอุ้งเท้าหมีขอ 4 เท้า มาใส่ไว้ในรถของตน แต่ชิ้นส่วนอื่นๆ ตนไม่ทราบ พร้อมยอมรับว่าก่อนหน้านี้ได้อ้างว่าซื้ออุ้งเท้าหมีขอทั้ง 4 ขามาจากชาวบ้าน ส่วนอาวุธที่นำเข้าไปในเขตอุทยานฯ ในครั้งนี้ก็เพื่อเอาไปยิงแก้บน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า ต้องมีการสอบปากคำและบันทึกคำให้การใหม่ เนื่องจาก นายอนุสรณ์ ยังคงให้การไม่ชัดเจนเท่าที่ควร โดยทางพนักงานสอบสวนจะต้องสอบถามถึงจุดที่ยิงหมี และจุดที่ทิ้งซากหมี รวมถึงที่ซ่อนซากหมี เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบและใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ซึ่งตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่กลุ่มออฟโรดใช้เป็นเส้นทางก่อนที่จะเข้าไปภายในอุทยานแห่งชาติไทรโยคด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจค้นหาวัตถุพยานเพิ่มเติม ที่บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาพลู ภายในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค พบหัวกระสุนปืน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และบริเวณหน้าศาลพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม16 จำนวน 2 ปลอก สภาพเก่า ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าไม่เกี่ยวกับคดี แต่ทำให้ทราบว่า ตรงจุดนี้มีการมายิงปืนแก้บนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ด้าน พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รรท.ผบช.ภ.7 ระบุว่า ได้ใช้คณะพนักงานสอบสวนชุดเดียวกับชุดที่ทำคดีเสือดำของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธาน บมจ.อิตาเลียนไทย ดิเวลล็อปเม้นต์ เป็นผู้ต้องหา เนื่องจากมีประสบการณ์ทำคดีลักษณะนี้และรู้ขั้นตอนข้อกฎหมายดี
วันเดียวกัน นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค และรักษาการหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษเฉพาะกิจพญาเสือ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐาน ภาพถ่ายและวิดีโอ พบว่า มีบุคคลในภาพขณะจับกุม อีก 1คน ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ คาดว่า จะอาศัยช่วงชุลมุน หลบหนีไป กระทั่งทราบชื่อ นายสมเกียรติ เพลงนาเรนทร์ อายุ 59 ปี ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 41/1 หมู่ที่ 1 ต.บ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี จึงได้ทำหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ ทส 0913.603 / 2553 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2561 ถึงผู้กำกับการ สภ.ภูธรไทรโยค เรื่องขอให้สืบสวนสอบสวนติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ พร้อมกันนี้ มีรายงานว่า นายสมเกียรติ มีศักดิ์เป็นลุงของ นายวัชรชัย หรือปลัดแมน
ต่อมา นายสมเกียรติ เดินทางมาพร้อมญาติๆ เพื่อมารายงานตัว กับ พ.ต.อ.เศรษฐสิริ นิพภยะ ผกก.สภ.บ้านคา นายประทีป เหิมพยัคฆ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี เพื่อนำตัวส่ง สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยนายสมเกียรติ อ้างว่า วันที่เดินทางเข้าไปนั้นเพื่อจะไปแก้บน ทำบุญ ที่สำนักสงฆ์ เพราะหลานชายสอบคัดเลือกได้เป็นนายอำเภอ และไม่รู้จักกลุ่มคนที่มากับรถออฟโรด เพราะตนเป็นแค่คนอาศัยนั่งรถเข้าไปเพื่อทำบุญเท่านั้น ส่วนซากหมีขอที่เจ้าหน้าที่พบนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะออกเดินทางไปถึงตอนเย็นได้กินข้าวเสร็จช่วงหัวค่ำก็นอนแล้ว พอตกเช้ามาก็นำกับข้าวเตรียมขึ้นไปถวายพระที่สำนักสงฆ์
ทางด้าน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้นำของกลางซากสัตว์ป่าจากคดีล่าหมีขอ ในพื้นที่ป่าอุทยานฯไทรโยค ประกอบด้วย ซากอุ้งตีนหมีขอ 4 ซาก ฟันกรามล่าง เศษกระดูก ขนสัตว์ป่า มีดพร้า มีดทำครัว หม้อทำครัว เขียง เป็นต้น ส่งมอบให้ น.ส.กนิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอซากอุ้งตีนหมีขอดังกล่าว โดยได้ตั้งโจทย์ คือ 1.ซากสัตว์ป่าดังกล่าว เป็นสัตว์ป่าชนิดไหน และเป็นสัตว์ป่าตา มพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครอง พ.ศ.2535 หรือไม่ 2.การตรวจดีเอ็นเอจากซากสัตว์ป่าและวัตถุพยาน เป็นสัตว์ป่าตัวเดียวกันหรือไม่ คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนจะรู้คำตอบทั้งหมด
ทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ยและพวก กรณีเกี่ยวข้องกับล่าหมีขอ ว่า ทราบว่าปลัดฯ เพิ่งได้รับการประกันตัวไป การดำเนินการทางวินัย เป็นเรื่องของ ผวจ.กาญจนบุรีที่จะต้องสอบสวน ส่วนทางอาญาเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ามีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งต้องดำเนินการไป ยืนยันว่าเราจะดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่าง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปลัดด่านมะขามเตี้ยและอาสาสมัคร(อส.) เข้าไปมีส่วนในการล่าหมีขอ ว่าเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันกับคดีเดิมคือคดีเสือดำ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมยังมีคนประเภทนี้อีก ตอนนี้กำลังสอบสวนและทราบว่าได้ให้ออกจากราชการเอาไว้ก่อนตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อสอบสวนและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีละเว้นให้ใครทั้งสิ้น
“น่าสงสารสัตว์นะ ไม่รู้จะฆ่ามันทำไม มีอะไรให้กินตั้งเยอะแยะ และตัวเองก็เป็นข้าราชการด้วย ยิ่งไม่เหมาะสมใหญ่” นายกฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี