ชลประทานอุตรดิตถ์ ขับเคลื่อนนโยบายการตลาดนำการผลิตของรัฐบาล จัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจโครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา 2561
10 ต.ค.61 ที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ นายสมหวัง ปานสุขสาร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุตรดิตถ์ สำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน พร้อมด้วย นายเมธี วุฒิเจริญ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมโครงการชลประทานอุตรดิตถ์ , นายจิรยุทธ ครุฑเมือง หัวหน้าฝ่ายส่งนํ้าและบำรุงรักษาที่ 1 ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโครงการสานพลังประชารัฐ สนับสนุนการปลูกข้าวโพด หลังฤดูการทำนา ปี 2561/2562 โดยมี นายประสงค์ อุไรวรณ์ นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ประธานการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อสนองนโยบายการตลาดนำการผลิตของรัฐบาล และนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเกษตรกรในพื้นที่ ต.ท่าอิฐ , ต.ท่าเสา , ต.ป่าเซ่า และ ต.คุ้งตะเภา ซึ่งเป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน พื้นที่เป้าหมาย รวม 17 ราย เข้าร่วมรับฟัง
ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้แก่เกษตรกร ปรับสมดุลของปริมาณการผลิตตลาดข้าว และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แล เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้และอาชีพที่มั่นคง จากกิจกรรมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงฤดูนาปรัง อีกทั้งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นอย่างมั่นคง เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่งคั่งและยั่งยืนตลอดไป
นายสมหวัง ปานสุขสาร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุตรดิตถ์ กล่าวว่า โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูการทำนา 2561 จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป โครงการดังกล่าว มีหลักการดำเนินการ คือ 1.เกษตรกรต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับราคาและเงื่อนไขการรับซื้อผลผลิตรวมทั้งปริมาณความต้องการผลผลิตของตลาดก่อนตัดสินใจลงมือทำการเพาะปลูก 2.รัฐบาลจะต้องมีมาตรการลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพของเกษตรกร เช่น การหาตลาดหรือผู้รับซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วยราคาที่เป็นธรรมการประกันรายได้ขั้นต่ำของเกษตรกรหรือการรับรองราคารับซื้อผลผลิตของภาคเอกชนการทำประกันภัยพืชผล และการสนับสนุนความรู้และเงินทุนหรือปัจจัยในการผลิตแก่เกษตรกร เป็นต้น
และ 3.มาตรการจูงใจเกษตรกร จำนวน 4 มาตรการ เพื่อลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประกอบด้วย 3.1 การสนับสนุนสินเชื่อเป็นค่าปัจจัยการผลิตและการเตรียมดินผ่าน ธ.ก.ส.ในอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี ของวงเงินไร่ละ 2,000 บาท (ไม่เกิน 15 ไร่ต่อราย) 3.2 การประสานภาคเอกชนให้มารับซื้อข้าวโพดอาหารสัตว์ตามคุณภาพในราคาไม่น้อยกว่าราคาขั้นต่ำที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด 3.3 การสนับสนุนเบี้ยประกันภัย 65 บาทต่อไร่ เมื่อได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติจะได้รับชดเชยไร่ละ 1,500 บาท และ 3.4 การกำหนดนโยบายให้สินเชื่อสถาบันเกษตรกร เพื่อเสริมสภาพคล่องในการรวบรวมและรับซื้อผลผลิตข้าวโพดผ่าน ธ.ก.ส.ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี