11 ต.ค.61 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ได้ผู้ใช้เซบุ๊กชื่อว่า 'กุลเชษ รัตนา' ได้ออกมาโพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “เพราะมันยังไม่หล่นใส่หัวใคร เลยไม่มีใครไปซ่อม ไฟไม่ส่องสว่างยามค่ำคืนนี้ติดอยู่ ต.แสลงพันธ์ ที่จะข้ามทางรถไฟ ติดมาหลายเดือนแล้ว และก็หลุดมา 2 เดือนแล้ว ยังไม่มีหน่วยงานไหนไปรับผิดชอบ กลางคืนก็ไม่มีไฟแถมโคมไฟยังห้อยต่องแต่งให้ลุ้นกันเล่นอีกว่าจะตกมาใส่หัวใคร”
ผู้สื่อข่าวรุดลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บริเวณทางข้ามรถไฟ บ้านแสลงพันธ์ ต.แสงลพันธ์ ต.แสลงพันธ์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบไฟส่องทางสาธารณะ ลักษณะเป็นโคมไฟขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 5-10 กก. ไม่มีไฟส่องสว่าง เนื่องจากสายไฟขาดไป 1เส้น มีลักษณะห้อยโตงเตง หวั่นว่าจะหล่นลงมาสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน
จากการสอบถามชาวบ้านผู้เดือนร้อน ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า โคมไฟมีลักษณะห้อยโตงเตง และไม่มีไฟส่องสว่างมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ทำให้พี่น้องประชาชน ต้องเสี่ยงได้รับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน มีความเสี่ยงภัยทุกเสี้ยววินาที หากโคมไฟดวงนี้ตกหล่นลงมาถูกศีรษะ หรือตกลงมาถูกรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และยวดยานพาหนะ ที่สำคัญโดยเฉพาะชาวบ้านที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านโคมไฟดวงนี้ และหนักไปกว่านั้นเวลากลางคืนมืดสนิทสัญจรลำบาก ชาวบ้านฝากวิงวอนผ่านสื่อมวลชนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขด่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี