ตำรวจ สภ.กมลาไสย ขออนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 2 หมาย "นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดงลิง" อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ในข้อหายักยอกเงินกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์สมาชิกครอบครัว และกองทุนนันทนาการหมู่บ้าน ขณะที่ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ระดมหน่วยงานเร่งช่วยเหลือประชาชน พร้อมกำชับเร่งล่าตัวมาดำเนินคดี
ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านเมย หมู่ที่ 5 และหมูที่ 11 ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และตัวแทนคณะกรรมการกองทุนต่างๆ ใน ต.ดงลิง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.กมลาไสย เพื่อดำเนินคดีกับนายประยูร เห็มวิพัฒน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดงลิง และเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม โดยชาวบ้านและเป็นสมาชิกระบุว่านายประยูร ได้ยักยอกเงินกู้ของกองทุนต่างๆ ของหมู่บ้าน และหลอกให้ชาวบ้านกู้เงินจากธนาคารออมสิน สาขาท่าคันโท และธนาคารออมสิน สาขากมลาไสย เพื่อนำไปลงทุน แล้วรับปากว่าจะเป็นผู้ใช้หนี้กับธนาคาร แต่กลับไม่ยอมใช้หนี้และนำเงินหนีหายไป จนทำให้ชาวบ้านหลายรายถูกธนาคารฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เบื้องต้นรวมมูลค่ากว่า 5.5 ล้านบาท ต่อมาตำรวจสภ.กมลาไสยได้ขออนุมัติหมายจับนายประยูรในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
12 ต.ค.61 นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.รมน.กาฬสินธุ์ นางวราภรณ์ เปล่งแสง ยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหน่วยงานปกครอง ตำรวจ ทหาร ทนายความยุติธรรมร่วมประชุมกับผู้แทนเลขาธิการ ปปง.และผู้แทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.61 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมดอกพะยอม ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือกรณีประชาชนชาว อ.ท่าคันโท กว่า 200 ราย ถูกนายไกรสวัสดิ์ แก้วคำหาญ ในฐานะประธานสถาบันการเงินชุมชนท่าคันโท ม.9 ในขณะนั้นหลอกลวงให้กู้ยืมเงินจากธนาคารออมสิน สาขาท่าคันโท และประชาชนชาว อ.กมลาไสย กว่า 60 คน ถูกนายประยูร เห็มวิพัฒน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดงลิง หลอกให้กู้ยืมเงินจากธนาคารออมสินสาขาท่าคันโท และธนาคารออมสินสาขากมลาไสย เพื่อนำไปลงทุนแล้วรับปากว่าจะเป็นผู้ใช้หนี้เอง แต่กลับไม่ชำระจนธนาคารดำเนินการฟ้องร้องกับชาวบ้านพร้อมกับติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี รวมทั้งมาตรการความช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหาย
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า แนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนชาว อ.ท่าคันโทกว่า 200 คนนั้น โดยขณะนี้ได้ประสานขอให้ธนาคารออมสินพิจารณาปรับโครงการหนี้ โดยขยายอายุสัญญาให้แก่กลุ่มลูกหนี้ที่ยังไม่มีคำพิพากษา และขอให้ชะลอการเร่งรัดชำระหนี้แก่กลุ่มลูกหนี้ที่ถูกพิพากษา รวมทั้งกรมบังคับคดีดำเนินการช่วยเหลือจัดการไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดี ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนที่ถูกพิพากษาแล้ว 79 คดี และยังไม่มีคำพิพากษา 95 คดี ส่วนการช่วยเหลือนั้นสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ได้พิจารณาอนุมัติค่าทนายความเพื่อต่อสู้คดีให้กับประชาชนจำนวน 144 รายๆละไม่เกิน 5,000 บาท
สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนชาว ต.ดงลิง อ.กมลาไสย ที่ถูกนายประยูร เห็มวิพัฒน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดงลิงหลอกให้กู้ยืมเงินจากธนาคารนั้น กรณีแรกมีประชาชนจำนวน 31 รายถูกหลอกให้กู้เงินจากธนาคารออมสินสาขาค่าคันโทรายละ 200,000 บาท เพื่อนำเงินไปลงทุนธุรกิจจำหน่ายปุ๋ย โดยนายประยูรจะเป็นผู้ชำระหนี้ แต่ต่อมานายประยูรได้หลบหนีไปไม่ชำระหนี้จนธนาคารออมสินฟ้องดำเนินคดี ซึ่งสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ได้ช่วยเหลือจัดหาทนายความให้ 21 รายๆละ 5,000 บาท
ส่วนอีก 10 รายถูกพิพากษาแล้วก็จะประสานกับธนาคารออมสินชะลอการเร่งรัดชำระหนี้ และกรมบังคับคดีดำเนินการช่วยเหลือจัดการไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดี ส่วนกรณีที่ 2 นายประยูร ให้กลุ่มออมทรัพย์บ้านเมยกู้เงินจากธนาคารออมสิน สาขากมลาไสยวงเงิน 1,000,000 บาท โดยมีผู้ร้องเรียน 9 ราย เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จากนั้นนายประยูรเอาเงินจำนวนดังกล่าวไป ซึ่งกำลังจะถูกธนาคารฟ้องร้องผู้ค้ำประกัน ได้ดำเนินการไกล่เกลี่ยกับธนาคารออมสิน โดยธนาคารยอมยืดระยะเวลาการฟ้องคดีออกไปจนถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561
นายไกรสร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีการยักยอกเงินของกองทุนต่างๆ รวมทั้งการดำเนินคดีทางอาญานั้น ได้กำชับให้ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีทางอาญาต่อไป แต่ข้อที่น่าสังเกตคือว่าส่วนใหญ่ชาวบ้านจะถูกหลอกให้ไปกู้เงินที่ธนาคารออมสินท่าคันโททั้งหมด แม้แต่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.กมลาไสย แต่กลับสามารถไปกู้ที่อ.ท่าคันโทได้ นอกจากนี้จากการสอบถามชาวบ้านยังพบว่าการกู้เงินนั้นสามารถกู้ได้โดยงายและไม่มีการตรวจสอบเอกสาร บางครอบครัวบ้านบางหลังสามารถกู้ได้ 6 คน บางคนแทบไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งแต่ก็ยังสามารถกู้ได้จึงถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ดังนั้นทางธนาคารจะต้องมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านด้วย ไม่ใช่ว่าเอาแต่ดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายอย่างเดียว
ด้าน พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สภ.กมลาไสย กล่าวอีกว่า สำหรับคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายที่เดือดร้อนเข้าแจ้งความรวมทั้งหมด 126 คน แยกออกคือส่วนที่ 1 ผู้เสียหายจะเป็นกองทุนและกลุ่มต่างๆ ประกอบด้วย กองทุนออมทรัพย์เพื่อการเกษตร กลุ่มโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ กองทุนเงินล้านหรือกองทุนหมู่บ้าน กองทุนสวัสดิการสงเคราะห์สมาชิกครอบครัว และกองทุนนันทนาการหมู่บ้าน ซึ่งในส่วนนี้สมาชิกกองทุนได้มอบหมายให้คณะกรรมการของกองทุนต่างๆกองทุนละ 4 คน เข้าแจ้งความดำเนินคดี
สำหรับในส่วนที่ 2 คือผู้เสียหายจะเป็นประชาชนรายบุคคล คือ ถูกนายประยูร หลอกให้กู้เงินจากออมสิน สาขาท่าคันโท เฉลี่ยรายละ 20,000-200,000 บาท จำนวน 31 ราย และในส่วนที่ 3 นายประยูร ให้กลุ่มออมทรัพย์บ้านเมยกู้เงินจากธนาคารออมสิน สาขากมลาไสยวงเงิน 1,000,000 บาท โดยมีผู้ร้องเรียน 9 ราย เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จากนั้นนายประยูรเอาเงินจำนวนดังกล่าวไป
พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าของคดี หลังจากพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่ออนุมัติหมายจับนายประยูร เห็มวิพัฒน์ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนไปแล้ว 1 หมาย ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายประยูร เพิ่มเติมอีก 2 หมาย ในข้อหายักยอกทรัพย์ หลังจากมีคณะกรรมการและประชาชนแจ้งความดำเนินคดีว่านายประยูรได้ยักยอกเงินของกองทุนนันทนาการหมู่บ้านไปจำนวน 86,942 บาท และเงินกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์สมาชิกครอบครัวจำนวน 77,900 บาท ซึ่งชุดสืบสวนก็ยังลงพื้นที่หาข่าว เพื่อเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี