3นักโทษแหกคุกสิ้นฤทธิ์
ลงจากภูเขามอบตัวแล้ว
หลังทนหิว-เจ็บไม่ไหว
เผยวางแผนหนีมานาน
3 นักโทษหนีคุกทนหิว-เจ็บแผลต่อไปไม่ไหว ยอมเดินลงจากภูเขาท่าทอง เข้ามอบตัวแล้ว เผยวางแผนแหกคุกมานานก่อนสบโอกาส ตำรวจใช้รถคุ้มกัน 20 คัน นำตัวจาก สภ.ทุ่งตะโกไปส่งยัง สภ.หลังสวนขณะที่มีรายงานว่า แก๊งค้ายาเสพติดแอบช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง ด้าน ผบก.ภ.จว.ชุมพร เผยกำลังสอบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
ความคืบหน้าการติดตามจับกุมนักโทษชายในคดียาเสพติด 3 ราย ได้แก่ 1.ข.ช.ธนาธิป เพิ่มลาภ 2.ข.ช.พิเชษฐ์ กลิ่นโอชา 3.ข.ช.กฤษดา แก้วนุ้ย ที่หลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ศาลจังหวัดหลังสวน จ.ชุมพร ต่อมาเจ้าหน้าที่ระดมกำลังติดตามตัวแต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ซึ่งคาดทั้ง 3 คน ใช้แผนแยกกันเผ่นหนี โดย 2 คนขึ้นเขาท่าทอง บ้านห้วยคล้าหมู่ 12 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร และอีก 1 คน หลบหนีตามเส้นทางแม่น้ำหลังสวน ตามี่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในหมู่บ้านห้วยคล้า หมู่ที่ 12 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้ยินเสียงสุนัขเห่าบริเวณเชิงเขาท่าทอง เมื่อออกไปดูพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน กำลังเดินลงมาจากภูเขาจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่มอยู่ในจุดดังกล่าว จึงเข้าควบคุมตัว โดยทั้ง 3 คน มีสภาพอิดโรย ที่ข้อเท้ามีบาดแผลเลือดไหลออก และยินยอมให้จับกุมโดยดี เมื่อลงมาถึงที่กองอำนวยการ ก็ร้องขอน้ำและอาหารทันที แต่ยังไม่ยอมให้การอะไร จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทั้งหมดไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ทุ่งตะโก ก่อนนำเข้าห้องขัง เพื่อดำเนินการต่อไป
นายบุญญารักษ์ บุญญาธิการ ผู้บัญชาการเรือนจำหลังสวน กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันติดตามตัวคนร้ายจนประสพผลสำเร็จ พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์เบื้องต้นว่า ผู้ต้องหาเดินวนเวียนอยู่เชิงภูเขาท่าทอง เมื่อได้ยินเสียงวิทยุสื่อสาร เสียงสุนัข ก็จะหมอบตัวลงและมุดเข้าไปใต้พงหญ้าคาที่มีความหนา รอจนชุดไล่ล่าผ่านไป ก็จะออกจากที่ซ่อน พร้อมกับสลับกันออกหาผลไม้และอาศัยน้ำในลำธารดื่มกิน แต่ด้วยความเจ็บจากบาดแผลและผลไม้ที่หาไม่ได้ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวและรับว่ากลัวตาย หิวและเจ็บ อีกทั้งคิดว่ายอมมีชีวิตในเรือนจำดีกว่า
นายสำเนาว์ จินาตง อายุ 48 ปี 58/3 หมู่ 12 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ผู้ที่พบเห็นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เล่าว่า ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปในสวนผลไม้หลังบ้านเชิงภูเขาท่าทอง พร้อมด้วย สุนัข 1ตัว เพื่อตรวจผลไม้ตามปกติทุกวัน สังเกตเห็นชายหัวโล้น 3 คนกำลังนั่งอยู่ในร่องน้ำเมื่อชายกลุ่มนั้นเห็นตนก็ก้มลงหมอบกับร่องน้ำตนจึงมองไม่เห็น แล้วเดินเลี่ยงลงมาที่แจ้งกลุ่มทหาร ตำรวจ ให้รีบเข้าไปยังจุดดังกล่าว
นายกฤษฎา หนึ่งในผู้ต้องหา กล่าวว่า ได้อยู่ในบริเวณที่พบตั้งแต่วันแรก ส่วนใหญ่จะซุ่มในร่องน้ำภายในสวนแต่ทำเลอยู่ในที่เชิงเขา ทำให้สามารถมองเห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา กระทั่งในช่วงที่เฮลิคอปเตอร์บินผ่านก็ห่างจากที่พวกตนหลบซ่อนเพียงไม่มากนัก ในบางช่วงเจ้าหน้าที่เรือนจำ ตำรวจ ทหารเดินมายืนริมร่องสวน พวกตนก็ดำน้ำ อึดนานประมาณ 3 นาที จนเจ้าหน้าที่ผ่านพ้นไป จนกระทั่งทนความหิว ความหนาวจากฝนที่ตกลงมารวมถึงบาดแผลที่เกิดจากโซ่ตรวน และเริ่มเป็นสนิม ทำให้กัดผิวหนังจึงตัดสินใจว่าจะเดินลงไปพบเจ้าหน้าที่แต่ ชาวบ้านมาพบเสียก่อน
ด้าน พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผบก.ภ.จว.ชุมพร กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจนำตัว 3 ผู้ต้องขัง ไปยังบริเวณหลังศาลจังหวัดหลังสวน ถนนเขาเงิน เขตเทศบาลเมืองหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อชี้จุดที่ได้ก่อเหตุชิงรถควบคุมผู้ต้องขังเรือนจำหลังสวน รวมทั้งเส้นทางหลบหนี
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการหลบหนีครั้งนี้เป็นการวางแผนของ 5 ผู้ต้องขัง โดยมี นายกฤษดา เป็นหัวโจก โดยผู้ต้องขังทั้งหมดได้ศึกษาและสังเกตวิธีการ ของเจ้าหน้าที่ในทุกครั้ง ที่นำตัวมาขึ้นให้การที่ศาลจังหวัดหลังสวน ทำให้รู้ว่าเมื่อรถเข้าไปจอดหน้าห้องควบคุมใต้ศาลจังหวัดหลังสวน เจ้าหน้าที่เรือนจำจะนำกุญแจรถไปฝากไว้ที่ยามรักษาการณ์ของศาลจังหวัดหลังสวน หลังจากนั้นจะเปิดประตูนำผู้ต้องหาแต่ละคดีลงไปขังไว้ที่ห้องควบคุม และประตูรั้วจังหวัดหลังสวนก็จะเปิดไว้ตลอดเวลา จึงแบ่งหน้าที่กันทำโดยให้ผู้ต้องขังสองคน เข้าไปประกบเจ้าหน้าที่เรือนจำ ส่วนอีกสองคนให้เข้าไปแย่งชิงกุญแจรถจากยามรักษาการณ์ ส่วนอีกหนึ่งคนให้เป็นผู้ขับรถ และตั้งเป้าหมายที่จะหลบหนีเมื่อดำเนินการดังกล่าว
แต่ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการณ์ศาลหลังสวนได้เป่านกหวีด และวิ่งไปปิดประตูจึงทำให้ผู้ต้องขังสองคนที่คุมตัวยามรักษาการณ์ ตัดสินใจวิ่งหนี ส่วนอีกหนึ่งคนวิ่งเข้าไปขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปิดประตูรั้วศาล ส่วนอีกสองคนกระโดดขึ้นรถและตัดสินใจขับรถชนรั้วจนล้มทับผู้ต้องขังรายหนึ่ง และเลี้ยวรถขึ้นบนถนนเขาเงินไปเลี้ยวที่หน้า รร.สวนศรีวิทยา ขึ้นสู่ถนนหลังสวนก่อนที่จะออกไปยังถนนเอเซีย 41 มุ่งหน้าไปยังอ.ทุ่งตะโก ตั้งใจเอารถไปจอดทิ้งไว้ที่ภูเขาท่าทอง ก่อนตัดสินใจเดินเท้ามุ่งหน้าไปยังอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ที่มีเครื่องมือในการตัดโซ่ตรวน และวางแผนหลบหนีต่อไป
มีรายงานว่าในพื้นที่ อ.ทุ่งตะโก และ อ.สวี มีสายปล่อยยาเสพติดของกลุ่มผู้ต้องขังจำนวนหลายสิบรายในการที่จะคอยอำนาจความสะดวกในการหลบหนีของผู้ต้องขังสามรายนี้ รวมทั้งมีการปล่อยข่าวสร้างสถานการณ์ว่ามีผู้ต้องขังรายหนึ่ง กระโดดรถลงที่ชุมชนบ้านด่าน เขตเทศบาลอำเภอหลังสวน และหลบซ่อนอยู่ริมแม่น้ำหลังสวนเพื่อเป็นการแบ่งกำลังของเจ้าหน้าที่และสร้างความไข้วเขว ขณะที่สายปล่อยยาใน อ.สวี ก็จะปล่อยข่าวว่ากลุ่มผู้ต้องขังทั้งสามคน ได้หลบหนีโดยเรือออกทะเลไปแล้วเพื่อเบี่ยงเบนให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังจากภูเขาท่าทองที่ผู้ต้องขังทั้งสามคนหลบหนีกันอยู่ และพยายามส่งเสบียงให้กับผู้ต้องขัง รวมทั้งมีการวางสายติดตามความเคลื่อนไหวตลอดไหว
นางธนิตตา บุญมาก อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 96 หมู่ 7 ต.ขันเงิน อาชีพรับจ้าง แม่ของ นายนราธิป หนึ่งในผู้ต้องหา กล่าวว่า รู้สึกตกใจและเสียใจที่ลูกชายตัดสินใจกระทำเช่นนี้ เพิ่งไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำหลังสวนเมื่องวันจันทร์ที่ผ่านมา และให้กำลังใจลูกให้อดทน รอฟังคำตัดสินของศาล เมื่อพ้นโทษแล้วจะได้กลับตัว ทำมาหากินต่อไป และคาดว่าโทษที่จะได้รับการตัดสินสำหรับคดียาเสพติดไม่น่าจะเกิน 5 ปี แต่เมื่อมาก่อเหตุนี้ขึ้นอีก ก็จะทำให้ได้รับโทษเพิ่มมากกว่า 10 ปี เมื่อก่อนลูกชายเป็น รปภ.อยู่ที่ จ.สมุทรสงคราม มีภรรยาและลูก 1 คน เป็นคนที่รักครอบครัว นิสัยดี ต่อเมื่อไปรู้จักเพื่อนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เสพยาจนถึงขั้นประสาทหลอน เวลานี้มีความกังวลในเรื่องชีวิตและความปลอดภัยของลูกเมื่อกลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ตนเองจะพยายามไปเยี่ยมลูกบ่อยๆ เพื่อให้กำลังใจลูก และขอวอนไปยังไปเจ้าหน้าที่ของเรือนจำว่า อย่าได้ทำร้ายร่างกาย หรือจิตใจของลูกชาย เนื่องจากอาจจะเป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งยังไม่รู้จะได้พบหน้าลูกอีกเมื่อไหร่
พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผบก.ภ.จว.ชุมพร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ นำตัวผู้ต้องขังทั้งสามราย โดยมีรถคุ้มกัน 20 คัน นำตัวจาก สภ.ทุ่งตะโกไปส่งยังสภ.หลังสวน ระยะทาง 25 กิโลเมตร โดยมี พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู ผู้กำกับสภ.หลังสวน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 นาย รอรับอยู่ที่ สภ.หลังสวน เมื่อเดินทางมาถึงได้นำเครื่องปลดโซ่ตรวน จากเรือนจำหลังสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญในการปลดโซ่ตรวจ เดินทางมาปลดโซ่ตรวจผู้ต้องขังทั้งสามราย จากนั้นได้เชิญตัวทนายความ จากสภาทนายความหลังสวน มาสังเกตการณ์ พร้อมทั้งเชิญแพทย์และพยาบาล รพ.หลังสวน มาตรวจร่างกาย ก่อนที่จะนำตัวไปสอบปากคำในข้อหาที่ศาลได้ออกหมายจับกรณีชิงรถควบคุมตัวเรือนจำหลังสวน และใน 3 ข้อหาที่เพิ่มขึ้นใหม่ ต่อหน้าทนายความ หลังจากนั้นได้ส่งกำลังตำรวจประกบตัวผู้ต้องขัง ในห้องควบคุมสภ.หลังสวน โดยได้แยกห้องควบคุมห้องละ 1 คนมีตำรวจประกบ 2 นาย และในวันที่ 14 ตุลาคม จะนำตัวส่งเรือนจำหลังสวนต่อไป
พล.ต.ต.สหรัฐ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังสอบปากคำผู้ต้องขังทั้งสามราย เบื้องต้นทั้งหมดให้การรับสารภาพ ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี