ห้ามไล่ออก! ศธ.ย้ำ‘นศ.ท้อง’ต้องได้เรียนจนจบ เร่งทำคู่มือรับกฏกระทรวง
17 ต.ค.61 นายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีมีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษา ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2561 ลงนามโดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ว่า เนื่องจาก พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 ในมาตรา 6 กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ดังนั้น ศธ.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในกำกับ จึงได้ดำเนินการจัดทำกฎกระทรวงฉบับนี้ขึ้น โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้สถานศึกษาทุกระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา จัดการเรียนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษา และทักษะชีวิต ให้เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียน นักศึกษา
นอกจากนี้ กำหนดให้จัดหาและพัฒนาผู้สอน ให้มีความรู้ความสามารถ มีทัศนคติที่ดี มีทักษะการสอนที่เหมาะสม เข้าใจจิตวิทยาการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา ที่สอดคล้องกับการจัดการศึกษา รวมถึงพัฒนาการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษา คณะศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์ หรือคณะหรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้และความสามารถสอนเพศวิถีศึกษา , พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน อีกประการสำคัญสถานศึกษาทุกระดับที่มีนักเรียนหรือนักศึกษา ซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ผลักให้นักเรียน นักศึกษาออกจากสถานศึกษา เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษา ต้องจัดระบบการดูแล ช่วยเหลือ และคุ้มครองที่เหมาะสม ต่อเนื่อง
นายชลำ ระบุว่า ในกฎกระทรวงฯฉบับนี้ บัญญัติไว้ชัดเจนว่า กรณีมีเด็กตั้งครรภ์ในโรงเรียน ห้ามไม่ให้ผลักเด็กออกจากสถานศึกษาเด็ดขาด ต้องให้เขาศึกษาอยู่ในสถานศึกษานั้นๆ จนกว่าจะเรียนจบ เว้นแต่เป็นความสมัครใจของเด็กที่ย้ายออก และให้สถานศึกษาต้องวางระบบการดูแล ปรับรูปแบบการเรียนการสอน เช่น กิจกรรมในชั้นเรียนบางอย่างก็ต้องปรับให้เหมาะสมกับนักเรียน นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งต่อให้เด็กได้รับการดูแลด้านสวัสดิการสุขภาพ
“เพราะฉะนั้นจากนี้ไป ถ้ามีสถานศึกษาใดผลักให้เด็กออกเพราะเด็กตั้งครรภ์ ก็จะมีความผิดอย่างแน่นอน เพราะมีกฎหมายชัดเจนแล้ว เว้นแต่เด็กสมัครใจย้ายออกเอง หรือเด็กจะขอใช้สิทธิในการพักการเรียนก็สามารถทำได้ เช่น หยุดพักการเรียนระหว่างการตั้งครรภ์ การลาคลอด หลังคลอด ทั้งในช่วงก่อนคลอดเมื่อครบกำหนดก็สามารถกลับมาเข้าสู่ระบบการเรียนปกติได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ศธ.ไม่เคยมีนโยบายให้เด็กที่ตั้งครรภ์ออกจากสถานศึกษา หรือผลักดันเด็กออกนอกระบบการศึกษา กฎกระทรวงฯนี้จะมีผลบังคับใช้ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน เพราะฉะนั้น ศธ.จะจัดทำคู่มือ และแนวปฏิบัติให้แก่โรงเรียนต่างๆ” นายชลำ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี