ลุ้นปลดกัญชา
ชง5แผนให้นายกฯเคาะ
อภ.เตรียมพร้อมในที่ตั้ง
สกัดสารทำยาได้ม.ค.62
ใช้รักษาโรคใน4ประเภท
บอร์ด “อภ.” ลุ้นปลดล็อกกัญชา รอผลหารือท ี่“บิ๊กจิน” ส่งถึงนายกฯ19 ตุลาคม เผย 5 แนวทางเลือกเปิดช่องนำกัญชามาสกัดสารทำยารักษา 4 โรคหลัก ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ย้ำปลดล็อค แต่ยังควบคุมเข้ม
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ กัญชาทางการแพทย์กับกฎหมายว่า หลายประเทศทั่วโลกนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ รักษาผู้ป่วย แต่ปัญหาของประเทศไทยยังติดเรื่องกฎหมาย แม้ที่ผ่านมาจะผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) และเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดกรอบผ่านขั้นตอนต่างๆประมาณ 180 วัน จะนำสารสกัดกัญชามาใช้ได้ประมาณเดือนพฤษภาคม 2562 แต่มีสมาชิก สนช.กังวลว่าจะไม่ทันกรอบเวลาที่วางไว้
ดังนั้น สนช.จึงรวมกันเสนอร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ต่อที่ประชุม สนช. เพื่อแก้ไขให้ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 คือ กัญชาและพืชกระท่อมนำไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และนำไปใช้รักษาโรคภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์ได้ โดยเสนอร่างแก้ไขให้เลขาธิการวุฒิสภานำร่างกฎหมายรับฟังความเห็นผ่านเว็บไซต์สนช. ใช้เวลา 15 วัน และเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งผลรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์จากกลุ่มตัวอย่างประมาณ 1 แสนคน พบร้อยละ 98.9 เห็นด้วยให้นำสารสกัดกัญชามาใช้ทางการแพทย์
นพ.โสภณกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ วันที่ 19 ตุลาคม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ยุติธรรมเตรียมหารือกับนายกรัฐมนตรี หลังประชุมแนวทางแก้ปัญหายาเสพติด คาดว่าอาจมีการหยิบยกเรื่องกัญชาขึ้นมาหารือด้วย ส่วนแนวทางปลดล็อคกัญชาจะเป็นอย่างไร มีข้อสรุปทางออกใช้กัญชาทางการแพทย์อยู่ 5 ทางเลือก ดังนี้
ทางเลือกที่ 1.รอกระบวนการประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่กรณีนี้ไม่แน่ใจว่าจะประกาศทันหรือไม่ 2.กรณีสนช.ที่รวมกันเสนอร่างกฎหมาย และภายในเดือนตุลาคมจะจัดสัมมนาใหญ่รับฟังความเห็น ทางเลือกที่3.เสนอให้ใช้มาตรา 44 อาศัยอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกกัญชาให้นำมาใช้ทางการแพทย์ได้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะประกาศใช้หรือไม่ เพราะทราบจากข่าวว่าพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรมจะนำเรื่องนี้เสนอนายกฯพิจารณาวันที่ 19 ตุลาคม ส่วนจะใช้ทางเลือกไหน หรือใช้มาตรา 44 หรือไม่ต้องรอฟังผล
นพ.โสภณกล่าวอีกว่า ทางเลือกที่ 4.เป็นแนวทางที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดพูดคุยกันว่า ในคณะกรรมการควบคุมยาเสพติสามารถใช้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามเปลี่ยนแปลงประเภทสารสกัดกัญชาจากสารเสพติดประเภทที่ 5 เป็นประเภท 2 ได้หรือไม่ เพื่อนำมาใช้ทางการแพทย์เหมือนมอร์ฟีน และทางเลือกที่ 5 ออกกฎหมายใหม่เฉพาะขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ไม่ว่าจะใช้ทางเลือกใด ประเด็นสำคัญที่ต้องกำหนดไว้คือ นำมาใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ไม่นำมาใช้เพื่อผ่อนคลาย หรือความบันเทิงเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางเลือกที่เร็วที่สุดน่าจะเป็นแนวทางใด นพ.โสภณกล่าวว่า ต้องพิจารณาหลายปัจจัย อย่างการใช้มาตรา 44 ต้องมีกฎหมายลูกออกมาอีก น่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แต่ถ้าเป็นคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)จะประชุมได้เดือนพฤศจิกายน และถ้ารมว.สาธารณสุขลงนาม ก็น่าจะใช้เวลาผ่านขั้นตอนต่างๆประมาณ 1 เดือน ซึ่งเดือนมกราคม 2562 ก็น่าจะประกาศใช้ทางการแพทย์ได้เลย แต่ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกใด อภ.ต้องเตรียมสารสกัดที่ใช้ได้เลยในวันที่ 1 มกราคม 2562 ตามแผนดำเนินงาน ก็เร่งผู้อำนวยการ อภ.ดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพราะขณะนี้มีกัญชาที่ได้รับมอบเป็นของกลาง 100 กิโลกรัม จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ซึ่งผลิตเป็นสารสกัดและน้ำมันกัญชาได้ประมาณ 18,000 ขวด ถ้าไม่พอจะขอของกลางเพิ่มอีก 2 ตันมาผลิต
ถามต่อว่า แสดงว่าตั้งเป้าว่ากฎหมายต้องออก เพราะเตรียมพร้อมไว้แล้ว นพ.โสภณยอมรับว่าคิดไว้ เพราะถ้ารอกฎหมาย และยังไม่วางแผนไม่ดำเนินการอะไร คงไม่ทันประเทศอื่น ที่สำคัญมีข้อบ่งชี้ว่ากัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว ใช้รักษาโรคใน 4 กลุ่มหลัก และจะพิจารณาข้อบ่งชี้เพิ่มเติมอีก ซึ่งจะประชุมเรื่องข้อบ่งชี้ในการใช้ในกลุ่มโรคต่างๆเพิ่มวันที่ 19 ตุลาคม
สำหรับ 4 กลุ่มคือ รักษาอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ให้คีโม โรคลมชักดื้อต่อการรักษาในเด็ก ปลอกประสาทอักเสบ และอาการปวดรุนแรง ส่วนข้อเสนอเพื่อการรักษาโรคอื่น เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสันก็จะศึกษาไปพร้อมกัน
ด้านผศ.คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ 5 แนวทางปลดล็อกทางกฎหมายนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ เช่น ในระยะยาวต้องการทำเป็นระบบครบวงจร ทำเพื่อคนป่วยจริง ไม่มีการเมืองหรือทุนอะไรเข้าแทรก น่าต้องออกกฎหมายแยกเฉพาะ และใช้มาตรา 44 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กฎหมายออกมาเร็วขึ้น แต่ไม่ใช่คำตอบเดียว เป็นทางเลือก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การปลดล็อกครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าฟรี ปลอดการควบคุม
“หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าปลดล็อกคือปลดการควบคุม การปลดล็อกหมายถึง ปลดออกจากการถูกสาปให้เป็นยาเสพติดชั่วนิรันดร ให้ปลดออกมาในมิติที่เอาด้านประโยชน์มาใช้ทำยา แต่ต้องมีกระบวนการทางกฎหมายควบคุมเคร่งครัด ถ้าเป็นเช่นนั้น พ.ร.บ.ยาเสพติดฯเอาไม่อยู่ เพราะมีวัตถุประสงค์ในการปราบปรามยาเสพติด ไม่ใช่เพื่ออำนวยความสะดวกในการผลิตยารักษาโรค”ผศ.คนึงนิจกล่าว
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการ อภ. กล่าวว่า ขณะนี้ อภ.นำวัตถุดิบกัญชามาจากของกลาง ซึ่งในอนาคตเราต้องปลูกเอง และให้ได้พันธุ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้สารสกัดคงที่ อย่างไรก็ตาม สำหรับ100 กิโลกรัมที่เป็นของกลาง และหากได้สารสกัดที่ครบถ้วนก็น่าจะผลิตออกเป็นน้ำมันกัญชาได้18,000 ขวดตามกำหนดคือประมาณมกราคม 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี