19 ต.ค.61 เมื่อเวลา 15.00 น. ร.ต.อ.ประภาส นาสา พนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ได้รับแจ้งว่ามีรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อบรรทุกตู้คอนเทเนอร์ซึ่งภายในบรรจุสารเคมีเสียหลักพลิกคว่ำบริเวณโค้งหักศอกสะพานเกือกม้า ลงจากสะพานภูมิพล 1 ข้ามถนนสุขสวัสดิ์ ส่งผลให้มีสารเคมีรั่วไหลคละคลุ้งเป็นจำนวนมาก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานของรถน้ำจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะและอาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุบริเวณโค้งหักศอกสะพานเกือกม้าลงจากสะพานภูมิพล 1 ข้ามถนนสุขสวัสดิ์ พบตู้คอนเทนเนอร์สีส้มบริเวณข้างตู้ติดคำว่า TS Line พลิกตะแคงกีดขวางทางจราจรอยู่ในเลนขวา ใกล้กับพบสลักล็อคหางพ่วง(ตัวล็อคตู้) แตกหักหลุดลงมากองกับพื้น ห่างกันเล็กน้อยพบรถคันเกิดเหตุเป็นรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลข ทะเบียน 63-8957 กทม.หางพ่วงหมายเลขทะเบียน 63 -3727 กทม. ซึ่งข้างข้างประตูรถมีการระบุเป็นของ บริษัท วัลลภ ก๊กมาศ โลจิสติกส์  

โดยบริเวณท้ายพ่วงได้รับความเสียหายเนื่องจากตู้คอนเทเนอร์ได้ตกหล่น ทางจ้าหน้าที่ต้องเร่งปิดการจราจร เป็นการชั่วคราวเนื่องจากเกรงว่าสารเคมีจะรั่วไหลเพิ่มขึ้นพร้อมทั้งกันประชาชนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงเข้ามาใกล้จุดเกิดเหตุในระยะกว่า 500 เมตร พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่แขวงการทางและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขคตราษฏร์บูรณะนำทรายละเอียดมาเทเพื่อป้องกันสารเคมีไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ

จากการสอบถาม นาย พิชิต สาทรกิจ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 504 ซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขต บางแคกรุงเทพมหานคร อ้างว่าตนได้ขับรถคันดังกล่าวออกมาจากท่าเทียบเรือคลองเตยเพื่อบรรทุกตู้คอนเทเนอร์ดังกล่าวทราบว่าภายในบรรจุ สารเคมี กรดฟอร์มิก Acid หรือกรดมด ซึ่งใช้ผสมเป็นหัวน้ำเชื้อน้ำส้มสายชูแบบแกลอนรวมน้ำหนักกว่า 20 ตัน เพื่อนำไปส่งให้กับ บริษัท แอลซี อุตสาหกรรม จำกัด ในจังหวัดนครปฐม ในระหว่างที่ขับมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งหักศอกและลาดชัน ตนพยายามชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าโค้งแต่ในระหว่างนั้นแกลอนที่อยู่ในตู้คอนเทเนอร์ ได้ไหลมารวมกันอยู่ฝั่งเดียวทำให้น้ำหนักตู้ได้เอียงไปทางด้านขวา จึงเป็นเหตุให้ตัวล็อคสลักหางพ่วงขาดหลุดออกจากกัน ก่อนที่ตู้จะหล่นลงมากองอยู่กับพื้นถนน

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะใช้เวลาในการเคลื่อนย้ายประมาณ  4 ชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ สาเหตุที่ต้องใช้เวลานานเนื่องจากสารเคมีดังกล่าวบรรจุอยู่ในตู้เป็นจำนวนมาก ต้องใช้กำลังคนในการเคลื่อนย้ายออกมาด้วยความระมัดระวัง เพราะหากมีการรั่วไหลเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อร่างกายและระบบทางเดินหายใจ