พาณิชย์เตรียมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำให้ ครม.พิจารณาภายในตุลาคมนี้ มีโอกาสได้ลุ้น กก.ละไม่ต่ำกว่า 3 บาท ขณะที่เครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันภาคใต้ นัดประชุมที่กระบี่-ตรัง ด้านกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ระบุ ชาวสวนควรขายปาล์มได้ที่ กก.ละ 6 บาท
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม
ด้านการตลาด โดยมีมติเร่งรัด 3 มาตรการ คือ 1.ขยายกรอบระยะเวลาโครงการเร่งรัดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ จากเดิมสิ้นสุดเดือนตุลาคม 2561 ออกไปถึง 1 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อลดสตอกน้ำมันปาล์มให้เข้าสู่ระดับปกติและช่วยรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นวงเงิน 525 ล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกมากขึ้น 2.เร่งรัดการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด เพื่อดูดซับน้ำมันส่วนเกิดออกจากสตอก ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 300,000 ตัน คาดว่าจะช่วยดึงราคาผลปาล์มน้ำมันให้สูงขึ้นได้ และ 3.การกำหนดวัตถุดิบและคุณภาพผลิตภัณฑ์ของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มโรง A ต้องสกัดเปอร์เซ็นต์น้ำมันให้ได้ไม่น้อยกว่า 18 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม หากสามารถดำเนินมาตรการต่าง ๆ ได้ตามกรอบดังกล่าว เชื่อว่าจะสามารถดูดซับผลผลิตปาล์มน้ำมันและคลี่คลายสถานการณ์ราคาปาล์มได้ โดยยืนยันราคาปาล์มจะต้องไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3 บาท และคาดว่าจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) พิจารณาได้ภายในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ ได้ทำทุกมาตรการทั้งดูแลลักลอบการนำเข้า เพราะต้องดูแลสถานการณ์ให้ดี ซึ่งการประชุมวันนี้จะเป็นคำตอบให้กับทุกฝ่ายได้รับทราบถึงแนวทางการเร่งรัดต่าง ๆ แต่ยอมรับว่าหลายเรื่องยังติดขัด แต่จะเร่งรัดให้เดินหน้าให้ได้เร็วที่สุด ส่วนการผลักดันการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่เพื่อตอบสนองนโยบายนี้ ดังนั้น เมื่อทำขึ้นมาแล้วเรื่องมาตรฐานน้ำมันจะต้องใช้ระยะเวลาปรับปรุง รวมทั้งรถยนต์ที่เข้าร่วมจะต้องปรบตัวให้สอดรับด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งปรับสมดุลราคาน้ำมันปาล์มขวดให้สอดคล้องกับราคาปาล์ม โดยได้สั่งการให้กรมการค้าภายในไปหามาตรการดูแลเพื่อให้เกิดความเหมาะสมระหว่างราคาจำหน่ายกับราคาวัตถุดิบ เนื่องจากพบว่าปัจจุบันมีการจำหน่ายต่ำกว่าราคาจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการยกเลิกราคาเพดานสูงสุดที่ห้ามขายเกินขวดละ 42 บาท สำหรับราคาปาล์มดิบ (CPO) อยู่ที่กิโลกรัมละ 18 บาท ผลปาล์มดิบอยู่ที่กิโลกกรัมละ 3.10 บาท ขณะนี้ราคา CPO มาเลเซียกิโลกรัมละ 16.50 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรัง ตัวแทนกรรมการสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง นำโดย นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง ชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ ร่วมประชุมหารือกับสมาคมปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ ในวันที่วันที่ 25 ตุลาคม จากนั้นจะมีการประชุมร่วมกันของสมาพันธ์สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทยที่จังหวัดตรัง ในวันที่ 26 ตุลาคม เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ และจะออกแถลงการณ์ร่วมกันในนามสมาพันธ์เพื่อเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาแต่เพียงผู้เดียว หลังราคาปาล์มตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 2.60-2.90 บาท ขณะที่รัฐบาลคุ้มครองแค่บริโภคซื้อน้ำมันได้ในราคาไม่เกิน 42 บาท แต่ไม่มีการคุ้มครองชาวสวน
นายชัยฤทธิ์กล่าวว่า ในห้วงเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา ผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดน้อย รวมทั้งแผนการใช้พลังงานของรัฐบาล และใช้เพื่อการบริโภค ราคาปาล์มก็ควรจะสูงขึ้น แต่ขณะนี้ตกต่ำมาก ชาวสวนต้องการเรียกร้องที่ราคา กก.ละ 4.50 บาท ทั้งนี้ สาเหตุปัญหาราคาตกต่ำเชื่อว่าเกิดจากที่รัฐปล่อยให้มีการทุจริต ให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มทั้งที่ถูกกฎหมายเพื่อการส่งออก แต่เชื่อว่าไม่มีการส่งออกจริง และปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มผิดกฎหมายทำให้สต๊อกปาล์มน้ำมันล้นตลาดอยู่ตลอดเวลา จาก 200,000 ตัน เป็นกว่า 300,000 ตัน
วันเดียวกัน นายอธิราษฎร์ ดำดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ระบุว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปยังตลาดต่างประเทศ ประมาณ 3 แสนตัน เพื่อแก้ปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำในขณะนี้ไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหา เนื่องจากข้อมูลพบว่าขณะนี้น้ำมันปาล์มดิบในสต๊อกมีจริงเพียง 2.8 แสนตัน แต่ได้มีการนำน้ำมันปาล์มกลั่นแล้วเป็นมันปาล์มขวดเพื่อบริโภคกลับมารวมในสต๊อกด้วย ทำให้มีน้ำมันเกือบ 4 แสนตัน
โดยกระทรวงพาณิชย์ต้องใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท เพื่อชดเชยค่าดำเนินการให้เอกชนผู้ส่งออกกิโลกรัมละ 1.75 บาท ซึ่งไม่ตรงจุด เพราะเป็นข้อเรียกร้องเมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป จึงควรที่จะทำตามข้อเรียกร้องของเกษตรกร คือการนำน้ำมันปาล์มซึ่งราคาน้ำมันปาล์มดิบขณะนี้อยู่ที่ 17 บาทต่อ กก. ขณะที่น้ำมันเตาอยู่ที่ 21 บาท ซึ่งสามารถนำไปเผาผลิตกระแสไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องใช้เงินและยังลดต้นทุนได้อีก การประกาศให้ผลปาล์มน้ำมันต้องรับซื้อที่ 4.50 บาทต่อ กก. เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มขวดอยู่ที่ 42 บาท ราคานี้ชาวสวนต้องได้อยู่ที่ 6 บาทขึ้นไปอยู่แล้ว นอกจากนั้นก็ขอให้นำน้ำมันปาล์มไปผลิตไบโอดีเซล เพียงแค่บี10 ก็จะสามารถดึงราคาปาล์มขึ้นมาได้ และผู้ผลิตก็ได้กำไร เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 17 บาท ราคาน้ำมันหน้าปั๊มอยู่ที่ 30 กว่าบาท ผ่านกระบวนการกลั่นแค่ไม่กี่บาทก็ยิ่งได้กำไร จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและตรงประเด็น ไม่ใช่เข้าข้างนายทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี