23 ต.ค.61 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงนโยบายเลิกจำหน่ายบุหรี่ภายในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศว่า ที่ผ่านมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มาหารือร่วมกับกรมราชทัณฑ์ถึงการประชุมเพื่อออกกฎหมายควบคุมยาสูบ เรื่องกำหนดสถานที่ห้ามขายยาสูบ พ.ศ. .... ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างยกร่างกฎหมายและรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว จะมีผลให้ภายในบริเวณเรือนจำและทัณฑสถานต้องปฏิบัติตาม โดยก่อนหน้านี้พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 มีผลเพียงให้สถานที่ราชการเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ และกำหนดพื้นที่สูบบุหรี่ แต่กฎหมายใหม่ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้เรือนจำจะถือเป็นสถานที่ห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภท
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมด้วยการเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศเตรียมความพร้อมที่จะรองรับกฎหมาย ซึ่งอาจจะมีผลบังคับใช้ปลายปี 61 หรือต้นปี 62 โดยในส่วนของกรมควบคุมโรคจะจัดเตรียมบุคคลเข้าไปเสริมพยาบาลประจำเรือนจำ เพื่ออบรมนักโทษในการลด ละเลิกบุหรี่
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นด้วยกับการจูงใจให้นักโทษเลิกสูบบุหรี่ เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่านักโทษที่สูบบุหรี่ในเรือนจำมักจะเป็นโรคติดต่อ นำไปสู่อาการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจ เนื่องจากการขายบุหรี่ในเรือนจำทำให้นักโทษเข้าถึงบุหรี่ได้ง่าย
"เบื้องต้นจากการสำรวจพบนักโทษในเรือนจำทั่วประเทศติดบุหรี่ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการรณรงค์และปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้เรือนจำเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ จึงเป็นนโยบายที่สมควรได้รับการสนับสนุนผลักดัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในเรือนจำหญิงทั่วประเทศก็ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่" พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี