เสียงคัดค้านอื้ออึงกระหึ่มเมือง หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอปรับปรุงแก้ไข โดยเพิ่มบทบัญญัติที่กำหนดให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องนำสัตว์ไปขึ้นทะเบียนในท้องที่ โดยมีค่าใช้จ่ายตัวละ 450 บาท พร้อมกำหนดโทษถ้าเจ้าของไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าพนักงานท้องถิ่นของรัฐ มีอำนาจเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 25,000 บาท นำร่องที่ “สุนัข” และ “แมว” ก่อนขยายไปสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น
แม้ภาครัฐจะชี้แจงเป้าประสงค์ของกฎหมาย เพื่อป้องกันปัญหาทอดทิ้งสัตว์ในที่สาธารณะ ป้องกันการทารุณกรรม และส่งเสริมให้จัดสวัสดิภาพสัตว์ โดยเพิ่มความรับผิดชอบของเจ้าของสัตว์ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น แต่กระแสไม่เห็นด้วยก็ยังหนาหู
คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการ เจตนารมณ์กฎหมาย เพียงแต่ติดใจเรื่องค่าใช้จ่ายขึ้นทะเบียนแพงไปหรือไม่ เป็นการผลักภาระให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนเลี้ยงด้วยใจเมตตา ได้ยินก็สะดุ้งเป็นแถว เพราะต่างคนต่างก็มีอยู่ในความดูแลมากกว่า 1 และเกิน 10 ตัวกันทั้งนั้น
จากผลสำรวจของนิด้าโพลล่าสุดในประเด็นนี้ เกินครึ่งบอกว่า แพงไป แก้ไม่ถูกจุด สร้างภาระให้คนรักสัตว์ด้วยใจ พร้อมมีข้อเสนอแนะว่า ควรเปิดขึ้นทะเบียนฟรี หรือคิดไม่เกินตัวละ 100 บาทก็พอ พร้อมๆ กับรัฐบาล โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเดินหน้าการฉีดวัคซีน ทำหมันฟรีทั้งประเทศ ซึ่งต้องยอมรับว่าในทางปฏิบัติปัจจุบัน การดำเนินการยังไม่ได้ผลเต็มที่เท่าที่ควร
ถึงแม้ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจากภาครัฐว่าจะเอาอย่างไรกับร่างพ.ร.บ.ป้องกันทารุณสัตว์ฯ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนคณะกรรมการกฤษฎีกา กับกระทรวงเกษตรฯพิจารณาทบทวน ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่ง บนหลักการที่ว่า ต้องไม่เพิ่มภาระให้ประชาชน ระหว่างช่วงเวลาที่มีข้อถกเถียงกันกว้างขวาง รัฐบาลควรฉวยจังหวะตีเหล็กตอนร้อน ยกเรื่อง “หมา-แมว” จรจัด เป็นวาระแห่งชาติ อะไรทำได้ก่อนก็เดินหน้าไป อย่ารอเพียงตัวบทกฎหมายฉบับนี้ จะดีหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องฉีดวัคซีน ทำหมันฟรีทั่วประเทศให้ครบถ้วนจริงๆ จะตั้งหน่วยงานกลางเฉพาะกิจ มารับผิดชอบลุยไปเลย ไม่อยากให้พูดๆ กันไป แล้วก็หายไปกับสายลม
อีกประเด็นที่อยากเสนอแนะให้รัฐบาลเข้าไปดูแลบ้าง ตั้งแต่ตอนนี้คือ “กลุ่มคนเลี้ยงเพราะเมตตาธรรม” อย่างบ้านป้าๆ ลุงๆ พี่ๆ หลวงพ่อทั้งหลาย ส่วนหนึ่งสงสารเก็บมาเลี้ยง ดูแล รักษาอาการป่วย บ้างมีคนนำมาทิ้งภาระให้ แต่ละบ้านแต่ละคน มีหมาแมวจรคนละหลายร้อยตัว รัฐจะช่วยแบ่งเบาภาระพวกเขาในเบื้องต้นตอนนี้ได้อย่างไร
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเข้าไปจัดการ ยกระดับตั้งเป็น “ศูนย์ดูแลสัตว์จรจัด” ส่งเจ้าหน้าที่ไปวางระบบ จัดสวัสดิภาพสัตว์ที่มีอยู่ จัดงบอาหาร ฉีดวัคซีน ทำหมัน แล้วให้ลุงๆ ป้าๆ หลวงพ่อ ดูแลต่อไปภายใต้การประคับประคองของรัฐ ก่อนขยายผลไปช่วยกลุ่มคนเลี้ยงหมาแมวจรแบบคอยให้ข้าวให้น้ำในชุมชนทำนองเดียวกัน แล้วใช้ความคุ้นเคย ความรักความเมตตาของคนกลุ่มนี้ ช่วยจับทำวัคซีน ทำหมัน ก็จะคุมประชากรสัตว์จรจัดในพื้นที่แต่ละโซนได้อยู่หมัด ต่อไปพี่ป้าน้าอา หลวงพ่อก็จะกลายเป็นเครื่องไม้เครื่องมือช่วยรัฐแก้ปัญหาสัตว์จรจัดได้อย่างดี
ไม่ปฏิเสธว่า “ปัญหาหมาแมวจรจัด” ต้องใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่หากขาด “ความเข้าใจ” เข้าถึงปัญหาด้วยใจ กระแสอาจตีกลับ “อาชญากรรม” อาจแก้ไขได้ด้วยการลงทัณฑ์ แต่หมาแมวจรจัด อาจต้องใช้ “เมตตาธรรม” เข้ามาจัดการด้วย ถึงจะแก้ปัญหาได้ถูกจุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี