"กฤษฎา"ตั้งวอร์รูมทุกพื้นที่55จังหวัด สกัดโรคระบาด"ใบด่างมันสำปะหลัง" พร้อมประกาศเขตควบคุมศัตรูพืช ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหลังประเทศเพื่อนบ้านระบาดหนัก
25 ต.ค.61 นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมร่วมกับ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมด้วยสมาคมมันสำปะหลัง 4 แห่ง เพื่อกำหนดมาตรการเฝ้าระวังโรคใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งกำลังระบาดอย่างรุนแรงในประเทศเพื่อนบ้าน ว่า สั่งการให้กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร ส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเกษตรสำรวจพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ รวมกว่า 3.1 ล้านไร่ ซึ่งดำเนินการสำรวจไปแล้ว 1.87 ล้านไร่ พบต้นที่มีอาการใบด่างคล้ายโรคใบด่างมันสำปะหลังที่เกิดจากเชื้อไวรัส Sri Lankan cassava mosaic virus (SLCMV) จำนวน 22 ต้น ในพื้นที่ 906 ไร่ ซึ่งได้ถอนทำลายต้นที่แสดงอาการใบด่างเรียบร้อยแล้ว และเข้าไปติดตามการระบาดทุก 2 สัปดาห์
ยกเว้นในพื้นที่หมู่ 3 และหมู่ 6 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งจากการสำรวจพบการระบาดกระจายเป็นบริเวณกว้าง ในพื้นที่ 850 ไร่ จึงจำเป็นต้องออกประกาศกรมวิชาการเกษตร กำหนดเขตควบคุมศัตรูพืช พ.ศ.2561 เพื่อห้ามมิให้บุคคลใดนำพืช ศัตรูพืช หรือพาหะออกไปนอกหรือนำเข้ามาในเขตควบคุมศัตรูพืชพื้นที่ทั้ง 2 หมู่บ้าน ตามประกาศเป็นแหล่งผลิตพันธุ์มันสำปะหลังที่สำคัญแหล่งหนึ่ง ซึ่งสามารถกระจายพันธุ์ไปปลูกต่อในพื้นที่ได้ถึง 50,000 ไร่ ซึ่งหากมีการขนย้ายออกไปปลูกในแหล่งอื่นอาจทำให้โรคแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
"ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีได้ประกาศเขตภัยพิบัติแล้ว ต้องทำลายต้นมันสำปะหลังทิ้งทั้งหมดในแปลงที่พบต้นมันมีอาการของโรค โดยเกษตรกรจะได้รับค่าชดเชย 1,148 บาทต่อไร่ รายๆละไม่เกิน 30 ไร่ ทั้งนี้ เป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและคุมโรคเพื่อไม่ให้เข้าพื้นที่แหล่งปลูกใหญ่ 55 จังหวัด ยืนยันว่ากระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับ 4 สมาคม ร่วมมือกันควบคุมสถานการณ์โรคอย่างเต็มที่ ซึ่งภาคเอกชนก็กังวลสถานการณ์ของโรค เพราะประเทศไทยยังผลิตมันสำปะหลังไม่พอต่อความต้องการของตลาด ผลิตได้ปีละ 30 ล้านตัน แต่การส่งออกต้องมากถึง 40 ล้านตัน
พร้อมกันนี้ให้ทุกจังหวัดตั้งวอร์รูมโรคมันสำปะหลัง เพื่อเป็นศูนย์กลางให้กับเกษตรกร สามารถแจ้งโรคได้ตลอดเวลาซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการตัดต้นและฝั่งกลบ เพราะได้เห็นประเทศเพื่อนบ้านเกิดการระบาดค่อนข้างน่ากลัว จึงตัดไฟแต่ต้นลม โดยผมได้ประสาน กอ.รมน.และด่านชายแดน ในจังหวัดพื้นที่เสี่ยงภาคตะวันออก และภาคอีสาน ให้ระมัดระวังตรวจค้นเข้มงวดมากขึ้นการขนสินค้าเกษตรข้ามแดนเข้าประเทศไทยทุกด่าน เพื่อป้องกันการลักลอบขนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังเข้าไทย ที่ต้องกำจัดต้นเหตุของโรคระบาดให้ได้ ร่วมทั้งขอความร่วมมือเกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์มัน ที่ผลิตในประเทศเท่านั้น ซึ่งทางสถาบันมูลนิธิพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย เตรียมท่อนพันธุ์ฟรีไว้แจกเกษตรกร 3.9 ล้านท่อน" นายกฤษฎา กล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุด นายกฤษฎา ได้สั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (วอร์รูม) เฝ้าระวังการแพร่ของโรคจากประเทศเพื่อนบ้านมายังไทยอย่างเข้มงวด ให้หน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการสำรวจพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ โดยแบ่งพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังออกเป็น 3 ระดับ คือ พื้นที่เสี่ยงมาก ได้แก่ พื้นที่ติดชายแดนในภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รวม 6 จังหวัด และแหล่งจำหน่ายพันธุ์ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง ได้แก่ พื้นที่ติดชายแดนในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รวม 11 จังหวัด และพื้นที่เสี่ยงน้อย ได้แก่ พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั่วไป จำนวน 31 จังหวัด โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนพื้นที่ทั่วไปให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.รวมทั้งประสานผู้ว่าราชการจังหวัดให้พร้อมประกาศพื้นที่แพร่ระบาดกรณีที่ต้องทำลายมันสำปะหลัง เป็นเขตภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2556 เพื่อจะได้สนับสนุนเงินชดเชยให้แก่เกษตรกร ขอความร่วมมือเกษตรกรไม่ให้นำเข้าท่อนพันธุ์จากประเทศเพื่อนบ้านมาปลูกซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรค เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ. 2507
และย้ำว่า ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังในประเทศไทยมีเพียงพอ กรมส่งเสริมการเกษตรจะชี้แหล่งท่อนพันธุ์สะอาดปราศจากโรคให้เกษตรกรไปซื้อได้ ปัจจุบันราคาท่อนละ 50 สตางค์ และได้เตรียมท่อนพันธุ์จากศูนย์วิจัยของกรมไว้ส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุน โดยระยะเวลาปลูกมันสำปะหลังจนถึงเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 9 เดือน
ด้าน น.ส.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า อาการผิดปกติของต้นมันสำปะหลังที่พบขณะนี้เป็นโรคที่คล้ายโรคใบด่าง ซึ่งการตรวจในห้องปฏิบัติการสามารถทราบผลได้ภายใน 1 วัน หากยืนยันโรคว่า เป็นโรคใบด่าง เจ้าหน้าที่จะเข้าทำลายต้นทิ้งทันทียกแปลง จากนั้นจะต้องตรวจสอบดินอีก 2 ครั้ง ใน 1 เดือน หากไม่พบเชื้อและพาหะแล้ว สามารถปลูกใหม่ได้ ทั้งนี้ขอความร่วมมือเกษตรกร หากพบอาการผิดปกติของต้นมันสำปะหลัง ใบด่าง เสียรูปทรง ให้แจ้งเกษตรตำบล เกษตรอำเภอ และเกษตรจังหวัดในพื้นที่ทันที เพื่อให้การควบคุมการระบาดทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ ทางสมาคมมันสำปะหลังทั้ง 4 แห่ง จะช่วยรับซื้อหัวมันจากแปลงที่ถูกทำลายต้น แต่หัวมันยังไม่เสียหายเป็นกรณีพิเศษ โดยโรงงานจะรับซื้อหัวมันที่มีเชื้อแป้งอย่างน้อย 25% กิโลกรัมละ 2.98 บาท แต่หากเชื้อแป้งต่ำกว่านี้ซึ่งปกติโรงงานจะไม่รับซื้อ แต่ในระยะนี้จะรับซื้อจากเกษตรกรเป็นกรณีพิเศษในราคาที่เหมาะสม แต่หากเชื้อแป้งเกินกว่า 25% จะเพิ่มราคาให้อีก ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นแรงจูงใจไม่ให้เกษตรกรปิดบัง หากพบอาการน่าสังสัยของมันสำปะหลัง เนื่องจากเกรงจะถูกทำลาย เพราะหัวมันยังขายได้และกรณีต้องทำลายทั้งแปลงจะมีค่าชดเชยจากรัฐให้เกษตรกร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี