พี่ชาย‘บูม’รับทราบข้อหาฟอกเงินคดีโกง‘บิทคอยน์’ จ่อเจรจาคู่กรณีชี้เข้าใจผิด
ความคืบหน้ากรณี นายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ นักลงทุนสัญชาติฟินแลนด์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปราม (บก.ป.) หลังถูกนายปริญญา , นายธนสิทธิ์ , น.ส.สุพิชฌาย์ และนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือ “บูม” ดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งทั้งหมดเป็นพี่น้องกันในตระกูลจารวิจิต ร่วมกันหลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ดราก้อนคอยน์ (dragon coin) หรือ DRG โดยหลอกลวงให้ซื้อหุ้นของบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด , NX Chain Inc. และหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ด้วยการโอนเงินสกุลบิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลเช่นเดียวกัน ไปยังบัญชีของคนในครอบครัวจารวิจิต รวม 5,564.44650956 เหรียญบิทคอยน์ หรือคิดเป็นเงินไทย 797,408,454.33 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้รวบรวมพยานหลักฐานจนมีการออกหมายจับและสามารถติดตามจับกุมตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือ บูม ก่อนขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินจนมีการออกหมายจับบุคคลในครอบครัวจารวิจิตเพิ่มเติม ในข้อหาเกี่ยวกับร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง รวมถึงจับกุมตัวนายปริญญา ผู้ต้องหารายสำคัญที่หลบหนีไปกบดานอยู่ที่สหรัฐ ขณะกำลังเดินทางกลับมายังประเทศไทย ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 30 ต.ค.61 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายธนสิทธิ์ จารวิจิต พี่ชายของนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือ บูม ดารานักแสดงชื่อดัง พร้อมด้วยทนายความได้เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง รอง ผกก.สอบสวน กก.1 บก.ป. ตามกำหนดหมายเรียก เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกพนักงานสอบสวนเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา “ฉ้อโกง” จากคดีดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา
นายธนสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นที่มาในวันนี้มารับทราบข้อกล่าวหาตามที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย ในคดีร่วมกันฟอกเงินและมาพูดคุยและชี้แจงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องต้น ซึ่งในส่วนของรายละเอียดทางคดีทางตนจะเร่งทำหนังสือชี้แจงโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้ตนไม่ได้หนักใจมากนัก และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และยืนยันว่าตนเองไม่เคยพูดคุยในเรื่องของการลงทุนกับผู้เสียหาย ส่วนเรื่องเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ในส่วนนี้ตนเองมีเอกสารหลักฐานมายืนยันกับทางเจ้าหน้าที่พร้อมทุกอย่าง และมั่นใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แต่อย่างใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีฉ้อโกงและคดีฟอกเงิน
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าเคยพบปะพูดคุยกับผู้เสียหายมากกว่า 2 ครั้ง โดยรู้จักกับผู้เสียหายเพราะมีบุคคลอื่นแนะนำให้รู้จัก และทราบดีว่าผู้เสียหายทำธุรกิจเกี่ยวกับบิทคอยน์ แต่ขอยืนยันว่าทุกครั้งที่พบเจอกัน ตนไม่ได้เป็นล่ามในการเจรจากับผู้เสียหายและทุกครั้งที่พูดคุยกับผู้เสียหาย ก็ไม่เคยมีการพูดคุยกันถึงเรื่องการลงทุนทางธุรกิจแต่อย่างใด
“หลังจากนี้คาดว่าจะนัดคุยทำความเข้าใจกับผู้เสียหายอีกครั้ง เพราะคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเงินของผู้เสียหายโอนเข้ามาในบัญชีตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนที่เข้าออกบัญชีตัวเองนั้นมาจากบริษัทบิทคอยน์ประเทศไทยจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ขึ้นตรงกับธนาคารแห่งประเทศไทย จำกัด และซื้อขายอย่างถูกกฎหมาย และจะนำหลักฐานมาพิสูจน์กับทางเจ้าหน้าที่ต่อไป” นายธนสิทธิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี