ป่าไม้เพชรบูรณ์ทหารปกครอง ลุยตรวจสอบนายทุนที่รุกป่าภูขี้ไก่ ใช้แทร็กเตอร์ปรับไถเป็นเขาหัวโล้น เร่งที่ดินให้เพิกถอนโฉนด พร้อมยึดไม้สักขนาด 8-10 นิ้ว อายุ 5-7 ปี ถูกโค่นทิ้งตลอดสองฝั่งข้างทาง
30 ต.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่กอ.รมน.ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มขบวนการนายทุนทำการบุกรุกป่าด้วยการนำรถแบคโฮแผ้วถางป่าและตัดภูเขา จนกลายเป็นเขาหัวโล้นนับพันไร่ โดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดศูนย์การปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมนายชิต อินทระนก ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้เพชรบูรณ์ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กรมป่าไม้ นำคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ป่าไม้ เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน และกำลังทหารจากกองพันทหารช่างที่ 8 ลงพื้นที่ที่ดินภูขี้ไก่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เข้าตรวจสอบพบเครื่องจักรกลหนัก ที่ทำการปรับหน้าดินเป็นเส้นทางเข้าออกระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร
จากการตรวจสอบพบว่ามีการตัดโค่นต้นไม้โดยเฉพาะไม้สัก เนื่องจากไม่มีการขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ทำไม้หวงห้าม พบไม้สักขนาด 8-10 นิ้ว อายุ 5-7 ปี ถูกโค่นทิ้งตลอดสองข้างทาง จึงได้ทำการตรวจยึดและทำบันทึกการจับกุม แล้วนำส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า เพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามฐานความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 69 มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครอง และมาตรา14 พ.ร.บ.ป่าสงวน 2507 ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จากการสอบถามชาวบ้านซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณหมู่บ้านอ้างว่า ได้รับผลกระทบเนื่องจากป่าสักที่ปลูกเอาไว้ถูกตัดทำลาย และการก่อสร้างของนายทุนดังกล่าว เป็นการทำลายผืนป่า ที่สร้างความเสียหายเป็นอย่ามาก เพราะชาวบ้านต้องอาศัยป่าดังกล่าวหาเลี้ยงชีพ ตลอดจนเป็นป่าต้นน้ำ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการและตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย
พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดศูนย์การปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวว่า จากภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังพบว่าพื้นที่บริเวณแห่งนี้ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ภูขี้ไก่ ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์มาก่อน เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ตรวจสอบไปยังกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งได้รับการยืนยันว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ภูเขา ซึ่งไม่สามารถที่จะออกเอกสารสิทธิ์ได้ เพราะไม่ได้มีการยึดถือครอบครอง หรือ ทำประโยชน์มาก่อน กระทั่งในปี 2557 มีการบุกรุกแผ้วถาง จึงได้ทำการตรวจสอบกลับพบว่า มีการออกเอกสารสิทธิ์ไปแล้วเมื่อปี 2542 จำนวน 58 แปลง จำนวน 1,800 ไร่ และมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกัน รวมทั้งมีกลุ่มทุนชาวต่างชาติ เข้ามากว้านซื้ออย่างต่อเนื่อง
"พื้นที่ป่าถูกแผ้วถางและใช้รถแทร็กเตอร์ตัดภูเขาเป็นลูกๆ โดยเฉพาะป่าไม้เป็นสมบัติของคนทั้งชาติ แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นถูกกลุ่มนายทุนเข้ามาบุกทำลาย และเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนอาจรู้เห็นเป็นใจ หรือเกี่ยวข้องฯ เนื่องจากการออกเอกสารสิทธ์ออกโดยเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยังมีการขายพื้นที่ดังกล่าวบางส่วนให้กับชาวต่างชาติอีกด้วย หลังจากนี้ไปจะนำเอกสารต่างๆ ทั้งหมดไปมอบให้กับดีเอสไอ และรัฐบาล เพื่อยับยั้ง โดยเฉพาะการเร่งเพิกถอนโฉนดที่มีการออกเอกสารสิทธ์โดยมิชอบ" พ.อ.พงษ์เพชร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี