“ลำไย ไหทองคำ” เฮ! หลังศาลทรัพย์สินฯยกฟ้อง อดีตผจก.ฟ้องละเมิด พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ เรียก 3 ล้าน ศาลชี้คดีไม่มีมูลความผิด
31 ต.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.710/2560 ที่นายณรงค์วัฒน์ ยันตะพันธ์ หรือบ่าวเอก ประธานกรรมการบริหารบริษัท พีอาร์ เรคคอร์ด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.สุพรรณษา เวชกามา หรือ “ลำไย ไหทองคำ” นักร้องลูกทุ่ง เซ็กซี่ชื่อดัง และนายประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ ผู้จัดการและดูแลการแสดง เป็นจำเลยที่1- 2 เรื่องละเมิดสัญญา เรียกค่าเสียหายจำนวน 3 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นอดีตผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง โดยรับโอนสิทธิของมาจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักร้อง มีกำหนด 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.57 – 12 ส.ค.62 ตามหนังสือสัญญาลงวันที่ 12 ส.ค.57 โดยจำเลยที่ 1-2 ร่วมกันละเมิดสิทธินักแสดง โดยแพร่เสียง , แพร่ภาพ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งการแสดง บันทึกการแสดงที่ยังไม่มีการบันทึกไว้ , ทำซ้ำซึ่งสิ่งบันทึกการแสดงที่มีผู้บันทึกไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง โดยใช้นามแฝงว่า “ลำไย ไหทองคำ” ซึ่งได้แสดงไว้เมื่อวันที่ 2 ก.ค.60 เวลาประมาณ 14.00 – 16.00 น. ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระรามสอง แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.อันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ศาลได้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกันแต่คู่ความไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ก็เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นนักร้องนักแสดง ตามความหมายของ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4 ซึ่งแม้นักแสดงย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการกระทำอันเกี่ยวกับการแสดงของตนในกรณีแพร่เสียงแพร่ภาพ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งการแสดง แต่สิทธิของนักแสดงดังกล่าวก็สามารถโอนให้แก่กันได้ตามมาตรา 51 วรรคสาม
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสิทธิประเภทสิทธิของนักแสดงโดยได้รับโอนสิทธิมาจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักร้องนักแสดงตามสำเนาหนังสือสัญญานักร้องประจำบริษัทพีอาร์ เรคคอร์ด แต่เอกสารดังกล่าว ไม่ปรากฏข้อความใดๆ เลยว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักร้องนักแสดงได้โอนสิทธิแต่ผู้เดียวในการกระทำอันเกี่ยวกับการแสดงของตนตามที่ระบุในมาตรา 44 ให้แก่โจทก์ และไม่อาจแปลความหมายของถ้อยคำในสัญญาหรือเจตนาของคู่สัญญาว่ามีการโอนสิทธิอันเกี่ยวกับการแสดงของจำเลยที่ 1 ให้แก่โจทก์ ดังที่โจทก์บรรยายในฟ้อง
โดยเนื้อหาสาระสำคัญของสัญญาดังกล่าวคงได้ความเพียงว่า เป็นข้อตกลงของคู่สัญญาอันเกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนของจำเลยที่ 1 ว่ามีกรณีใดบ้าง และจะได้รับค่าตอบแทนจำนวนเท่าใด
ดังนั้นพยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมา ยังฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้รับโอนสิทธิอันเกี่ยวกับการแสดงของจำเลยที่ 1 มาแล้วโดยชอบ เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้ได้รับโอนสิทธิมาจากจำเลยที่ 1 โจทก์ย่อมไม่ใช่เจ้าของสิทธิประเภทสิทธิของนักแสดงดังฟ้อง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีของโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
อย่างไรก็ตาม คำคัดสินดังกล่าว เป็นการพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งหากคู่ความยังติดใจก็ยังยื่นอุทธรณ์คดีได้ตามกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี