ช่วงใกล้เลือกตั้ง หมายถึงการใกล้จะเปลี่ยนรัฐบาลบริหารประเทศ เราจึงเห็นการเร่งผลักดันโครงการ มาตรการ และอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้เกิดขึ้น รวมทั้งกฎหมายหลายฉบับที่ผ่าน ครม.อย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. และหลายฉบับก็ส่งไปกองไว้ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตีความ....
เฉพาะกระทรวงเกษตรฯ เองก็มีกฎหมายหลายฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของ ครม. แต่กลายเป็นประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์จนต้องกลับมาทบทวน เช่น ร่าง พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดจัดสวัสดิการสัตว์ (ฉบับที่....) พ.ศ......หรือที่เรียกกันสั้นๆ ตามความเข้าใจว่า พ.ร.บ.หมาแมว
พอไปเจอบทที่ต้องเก็บค่าธรรมเนียมการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงที่มีไว้ครอบครอง หรือบทลงโทษที่เป็นค่าปรับสูงๆ ที่ทำให้ประชาชนทั่วไป หรือผู้มีจิตเมตตาเก็บหมาแมวมาเลี้ยงต้องเดือดร้อน ก็ต้องมีเสียงคัดค้านขึ้นเป็นธรรมดา
จำได้ว่าครั้งหนึ่งเมื่อกว่า 10 ปีมาแล้ว กทม.เคยออกบทบัญญัติ ให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัข ต้องนำสุนัขของตนไปฝังไมโครชิพ หรือบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจะได้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ เรื่องฝังไมโครชิพสุนัขนี้ก็ฮือฮาอยู่พักหนึ่ง ระยะต่อมาก็เงียบหายไปจนสุนัขที่บ้านซึ่งพาไปฝังไมโครชิพนั้นตายจากไปแล้ว มีสุนัขใหม่มาเลี้ยงแทน ก็ไม่เห็นมีการพูดเรื่องไมโครชิพกันอีก
ต่อมา ในปี 2551 ตามบทบัญญัติของ กทม. อีกนั่นแหละที่กำหนดให้ต้องนำสุนัขไปจดทะเบียน ถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งฮือฮาอยู่พักหนึ่งเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึง จนกระทั่งมาปีนี้ 2561 ที่มีเรื่องราวของโรคพิษสุนัขบ้าระบาด เรื่องราวของวัคซีนพิษสุนัขบ้าปลอม จนพิษลามไปถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ ถูกพิษเล่นงานจนต้องย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ
จากนั้นก็มีเรื่อง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดจัดสวัสดิการสัตว์ หรือ พ.ร.บ. หมาแมว ขึ้นมากำหนดให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องพาสัตว์เลี้ยงของตนไปขึ้นทะเบียน มิเช่นนั้นจะมีความผิดต้องถูกปรับเป็นเงินหมื่นเลยทีเดียว...ชาวบ้านจะไหวหรือ....
ก่อนหน้าร่าง พ.ร.บ. หมาแมวมีร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน พ.ศ...ผ่านความเห็นชอบของ ครม. ไปก่อนแบบเงียบๆ เนียนๆ โดยอ้างว่า มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนั้นมีใครบ้าง อย่างไรก็ตาม ร่างพ.ร.บ. ดังกล่าว ยังอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็น
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว มีความพยายามจะผลักดัน ร่าง พ.ร.บ. คล้ายๆ แบบนี้ ครั้งนั้นมีชื่อว่า ร่าง พ.ร.บ. กองทุนส่งเสริม และพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนพ.ศ......โดย พ.ร.บ. ดังกล่าวกำหนดให้มีการเก็บภาษีปุ๋ยเคมี และสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช โดยให้เหตุผลว่า ปุ๋ยเคมี และสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช เป็นตัวทำลายสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน จำเป็นต้องเก็บภาษี เช่นเดียวกับการเก็บภาษีเหล้าและบุหรี่ หรือที่บางคนเรียกว่าภาษีบาป
เงินที่ได้จากการเก็บภาษีปุ๋ยและสารเคมีดังกล่าว จะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อนำไปขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของเกษตรอินทรีย์ โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี และสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช เพราะผู้ค้าปุ๋ยเคมี และสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชคงไม่ยินดีเสียภาษีโดยไม่ผลักภาระไปให้ผู้ใช้ คือ เกษตรกร ด้วยการขึ้นราคาปุ๋ยเคมี และสารเคมี เป็นแน่
ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างความแตกแยกระหว่างเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบพึ่งพาเคมี กับเกษตรกรที่ผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยต้องอาศัยการผลิตในระบบที่ต้องพี่งพาปุ๋ยเคมีและสารเคมี (ที่ปลอดภัย) ในการส่งออกมากกว่าเกษตรอินทรีย์ด้วยซ้ำไป
พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวในครั้งกระนั้นถูกคัดค้านจนต้องยกเลิกไป
10 ปีผ่านไป เราได้เห็น พ.ร.บ. ฉบับนี้กลับมาอีกครั้ง ในชื่อว่า ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน พ.ศ......ซึ่งไม่แตกต่างจากของเดิมเท่าไรนัก และมีประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งต่อไปได้ ส่วนจะมีประเด็นใดบ้าง จะได้นำมาเสนอต่อไป
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี