ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ เดินหน้ายื่นหนังสือ 6 หน่วยงานทั้ง ปปง., ป.ป.ช., ป.ป.ท., สตง., ดีเอสไอ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จี้สอบข้าราชการหน่วยงาน พมจ.และจัดหางาน สงสัยพัวพันกับขบวนการยักยอกเงินจ้างผู้ปกครองคนพิการมาตรา 35 ขณะที่ที่ผู้ร้องเรียนเรียกร้องคนพิการออกมาทวงสิทธิ์ของตนตามกฎหมาย
5 พ.ค.61 นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ในระหว่างเดินทางมาติดตามผลการตรวจสอบกรณีที่มีตัวแทนผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ รวมตัวกันออกมาร้องเรียนเรื่องเงินค่าแรงผู้ดูแลคนพิการโครงการจ้างเหมาบริการตามมาตรา 35 คนละ 1 แสนบาทต่อปี หรือเดือนละเกือบหมื่นบาท โดยอ้างว่าถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอกด้วยวิธีให้เปิดบัญชีทำงานจากนั้นเก็บบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีก่อนจ่ายให้รายเดือนแค่คนละ 2,000-4,000 บาท จนนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กำกับดูแลอยู่
โดยนายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวนอกจากทางเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ จะได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทาง จ.กาฬสินธุ์แล้ว ยังได้ส่งหนังสือ ร้องเรียนขอให้มีการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐ กรณีคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการถูกละเมิดสิทธิ์ และได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จากชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง
โดยขณะนี้ได้ส่งไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมตรวจสอบและพิจารณาบทลงโทษข้าราชการ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมดังกล่าวแล้ว
นายปรีดา กล่าวอีกว่า หนังสือร้องเรียนนั้นมีทั้งหมด 69 หน้า ซึ่งได้ชี้แจงถึงมูลเหตุของปัญหา และพฤติกรรมของประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการฯ และข้าราชการในสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) กาฬสินธุ์ บางคน ทั้งก่อนและหลังที่จะมีการร้องเรียนเกิดขึ้น ทั้งนี้ ได้ตรวจพบหลักฐานหลายประเด็น ที่ทำให้เกิดความสงสัยมีข้าราชการในหน่วยงาน พมจ.กาฬสินธุ์ และจัดหางานจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าไปข้องเกี่ยว ช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ทั้งด้วยวาจา พฤติการณ์ หลักฐานทางไลน์ และพยานบุคคล ซึ่งจะได้เร่งติดตามผลการตรวจสอบ เพื่อกำหนดบทลงโทษตามขั้นตอนต่อไป
ด้านนางฐานิดา อนุอัน ผู้ร้องเรียนคนแรก กล่าวว่า วันที่ 19 ตุลาคม 2561 ตนเข้าร่วมประชุมเพื่อไกล่เกลี่ยที่ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่บรรยากาศการประชุมไม่ดีเลย ตนที่เป็นผู้เดือดร้อนกลับถูกคณะกรรมการกล่าวหาเป็นคนสร้างปัญหาที่ไปร้องเรียน ทำให้ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงประสานกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ซึ่งได้แนะนำว่าให้ออกมาจากห้องประชุมก่อน ต่อมาตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ พมจ.กาฬสินธุ์ ว่าให้ไปรับบัตรเอทีเอ็ม พร้อมสมุดเงินฝากและค่าจ้างที่ยังได้รับไม่ครบ ประมาณ 64,125 บาท ที่สำนักงาน พมจ.กาฬสินธุ์ วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา
นางฐานิดา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนได้รับค้าจ้างเพียงเดือนละ 2,000-4,000 บาท รวม 18,000 บาทเท่านั้น ขาดอีก 64,125 บาท ถึงจะครบตามจำนวนที่พึงจะได้ ซึ่งจะเป็นจำนวน 82,125 บาท ทั้งนี้ เพราะยังไม่ครบ 1 ปีจึงได้รับไม่เต็ม จำนวน 109,500 ตามสัญญา เนื่องจากมีการร้องเรียนเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม พอไปตามนัดหมาย กลับถูกเจ้าหน้าที่ พมจ.กาฬสินธุ์บางคนต่อว่าอีก จึงคิดว่าคงคุยตกลงอะไรกันไม่ได้แล้ว เราเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ดูแลคนพิการ เป็นผู้รับจ้างที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ต่อว่าต่างๆนานา จึงได้ถอยออกมาอีก และแจ้งเหตุการณ์ทั้งหมดไปให้เครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการรับทราบ ก่อนที่นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ และคณะจะเดินทางมาที่กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อติดตามปัญหาและขอคำตอบจากทางจังหวัดดังกล่าว
"เมื่อวันก่อนฉันได้รับซองเอกสารที่ส่งมาทางไปรษณีย์ ระบุชื่อผู้ส่งจากสำนักงาน พมจ.กาฬสินธุ์ เปิดดูเป็นจดหมายนำส่งบัตรเอทีเอ็มพร้อมสมุดบัญชี ที่เคยถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการจังหวัดกาฬสินธุ์เก็บไว้ แต่กลับไม่มีรายการแจ้งจ่ายเงิน 64,125 บาทคืนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากที่คนพิการหรือผู้ปกครองคนพิการ เข้าไม่ถึงกฎหมาย หรือไม่ทราบถึงสิทธิของคนพิการ จึงถูกเจ้าหน้าที่ปิดบังข้อมูล และอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายเบียดเบียนสิทธิ์ จึงอยากเรียกร้องให้คนพิการหรือผู้ปกครองคนพิการ ออกมาเป็นแนวร่วมในการทวงสิทธิ์ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง และเพื่อไม่ให้ข้าราชการกระทำความผิด" นางฐานิดากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีดังกล่าว ล่าสุดได้มีผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาเข้าร้องเรียนกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการแล้ว 6 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี