มาว่ากันต่อจากสัปดาห์ก่อน เรื่อง“ยางพารา”
และ“ปาล์มน้ำมัน” 2 พืชเศรษฐกิจหลักโดยเฉพาะของภาคใต้ที่ปีนี้ราคา“ย่ำแย่”เป็นอย่างยิ่ง และดูเหมือนอนาคตก็ยังมืนมน!!!
ปลายต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.จริยา สุทธิไชยา เลขาฯสศก.-สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร แถลงว่า
ดัชนีรายได้เกษตรกรเดือนก.ย. 2561 ลดลง
จากก.ย.ปีก่อน 4.04% เป็นผลจากการที่สินค้าเกษตรหลายตัว ราคาลดลงมากโดยเฉพาะยางพาราและปาล์มน้ำมัน ซึ่งเดือนต.ค.ก็ยังไม่ดีขึ้น
ส่วนนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ก็จี้รัฐบาลเร่งแก้ไขสินค้าเกษตรภาคใต้ที่ราคาร่วงยกแผง โดยเฉพาะยางฯและปาล์มน้ำมันร่วมถึงมะพร้าวด้วย ส่งผลให้เศรษฐกิจภาคใต้กำลังทรุดหนัก ขณะที่กลุ่มชาวสวนปาล์มขยับเคลื่อนไหวหลายจังหวัด เรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ไข ปัญหาราคาที่ตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปี ขายผลปาล์มได้แค่กก.ละ 2.50 บาท ต้องขาดทุนเพราะต้นทุนอยู่ที่ 3 บาทกว่า จนเริ่มขู่จะก่อม็อบ
เข้ามากดดันที่ทำเนียบรัฐบาลบ้างแล้ว
ราคาปาล์มน้ำมันที่ตกต่ำนี้ มีข่าวว่า รัฐบาลโดยคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช เตรียมเสนอครม.ขยายเวลาหลายมาตรการแก้ปัญหาไปถึง ก.พ.2562 อาทิ ของบฯกลาง 525 ล้านบาท ใช้สนับสนุนค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการให้ผู้ประกอบการ
กก.ละ 1.75 บาท เพื่อช่วยผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 3 แสนตัน ภายใน 3 เดือน หวังลดสต๊อกในประเทศที่มีสูงถึง 3.5-3.8 ล้านตัน ซึ่ง
“สูงกว่า” ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่ควรจะมีไม่เกิน 250,000 ตัน ทั้งจะให้กระทรวงพลังงานเร่งผลักดันใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 ในรถบรรทุกและรถไฟ เพื่อดูดซับน้ำมันปาล์ม “ส่วนเกิน” ให้มากขึ้น เป็นต้น...หวังว่ามาตรการเหล่านี้จะดึงราคาผลปาล์มขึ้นเป็นกก.ละ 3.00- 3.20 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มชี้ว่า การใช้งบฯสนับสนุนกก.ละ 1.75 บาท
หวังผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 3 แสนตันนั้น “ไม่ใช่เรื่องง่าย” เพราะตอนนี้ตลาดสำคัญอย่างสหภาพ
ยุโรป หรือ อียู ออกมาตรการลดนำเข้าน้ำมันปาล์มลงมา
อีกตลาดสำคัญคืออินเดียก็เพิ่มภาษีน้ำเข้าเพื่อคุ้มครอง
ปาล์มในประเทศ ส่งผลให้ “ซัพพลายโลกล้น” จนราคา
ดิ่งหนัก ส่วนมาตรการกระตุ้นการใช้ B20 ก็ยังอืดมาก
จากที่กระทรวงพลังงานเปิดโครงการเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2561 มีการใช้ไปแล้ว เพียง 6-7 ล้านลิตร คิดเป็นปริมาณน้ำมันปาล์มดิบเพียง 1,199 ตันเท่านั้น
ซึ่งอันที่จริง อนาคตน้ำมันปาล์มน่าห่วงมากๆ เพราะอียูนอกจากลดนำเข้าลงเรื่อยๆ ยังกำหนดเป้าหมายจะเลิกนำเข้าทั้งหมดภายในปี 2020 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ไม่ว่าใช้อุปโภคบริโภคหรือพลังงานทดแทน เพราะเล็งเห็นอันตรายการ“กิน”ที่เสี่ยงหลายโรคต่อหัวใจและหลอดเลือด ทั้งการปลูกปาล์ม 2 ประเทศผู้ส่งออกใหญ่โลก คือ อินโดนีเซียและมาเลเซีย ยังถาง“ทำลายป่า”เป็นสำคัญ
สำหรับ“ยางพารา”นั้น ในสายตาประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ-ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ จัดเป็นสินค้าเกษตรที่น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะปัญหารุนแรงและยืดเยื้อมานาน ทำให้ราคาน้ำยางลดลงเหลือแค่ 3 กิโล 100 บาทแล้ว!
ก่อนหน้านี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ผลักดันหลายมาตรการดูแลเสถียรภาพราคายางฯที่ผ่านครม.ไป แต่ปรากฏว่าทุกมาตรการยังคงอืดอาดล่าช้า ไม่ว่าโครงการส่งเสริมการใช้ยางฯในภาครัฐ 4 กระทรวงใหญ่ ที่ตั้งเป้า 145,500 ตัน แต่ช่วง 9 เดือน(มกราคม-กันยายน) เพิ่งรับมอบยางเพียง 1,129.10 ตัน,โครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อลดพื้นที่ปลูกยางฯเป้า 150,000 ไร่ เกษตรกร 30,000 ราย ก็อนุมัติไป 93,062 ไร่ 14,623 ราย ต่ำกว่าเป้ามาก เป็นต้น...และแม้รัฐบาลจะประกาศนโยบาย “การตลาดนำการผลิต” ก็ยังไม่เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรมเสียที
ล่าสุดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลวิจัย“วาระแห่งชาติ ยางพาราไทย : อุปสรรคและทางรอด” เบื้องต้นชี้ว่าทิศทางราคายางฯปีหน้า แนวโน้มยัง“ทรงตัว” ก็คือยังไม่ดีเหมือนตอนนี้แหละ จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้ลดลง แต่หลายประเทศยังเพิ่มการผลิต และสต๊อกโลกมีมากถึง 1 ล้านตัน ทั้งยังเสนอรัฐบาล 14 ข้อ ในการปรับตัวเพื่อสร้างทางรอดให้กับ“ยางฯไทย”
ไม่ว่าจะมีข้อเสนอแนวทางหรือมาตรการที่ดีแค่ไหนก็ตาม ที่ผมเป็นห่วงยิ่งคือ ภายใต้กลไกรัฐ ระบบราชการที่ยังทำงาน“ด้อยประสิทธิภาพ”ไม่เปลี่ยน แม้อยู่ในยุค คสช.ที่มีอำนาจพิเศษเด็ดขาด อนุมัติโครงการไปมากมาย ก็ยังอืดอาดขนาดนี้ แล้วหลังเลือกตั้งปีหน้า ได้รัฐบาลใหม่ อำนาจพิเศษจืดจางไป....มาตรการที่วิเศษแค่ไหน ก็คงช่วยให้อนาคต“ยางพารา”และ“ปาล์มน้ำมัน”สดใสขึ้นได้ยากแน่!
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี