กลายเป็นข่าวคราวใหญ่โตอีกครั้ง กรณีสุนัขจรจัดรุมกัดเด็กหญิงวัยขวบเศษ เหวอะหวะไปทั้งตัว รวมแล้ว117 แผล เหตุเกิดที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ร้อนถึงกรมปศุสัตว์ หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูล พร้อมจัดการแก้ปัญหาให้ชาวบ้านอย่างเร่งด่วน
ข้อมูลเบื้องต้นพบจุดเกิดเหตุเป็นหมู่บ้านชาวเขามีสุนัขจรจัดอาศํยอยู่ประมาณ 30 ตัว ทางเจ้าหน้าที่จึงประชุมหารือกับนายอำเภอ หน่วยงานท้องถิ่น เพื่อออกกฎระเบียบ และข้อปฏิบัติในการเลี้ยง-ควบคุมสัตว์มาใช้ในพื้นที่ พร้อมระดมเจ้าหน้าที่จับสุนัขทั้งหมดมาตรวจเฝ้าระวังอาการ 10 วัน ว่าจะมีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่
ที่น่าสนใจในวิธีแก้ปัญหากรณีนี้ จากคำให้สัมภาษณ์ของปศุสัตว์จ.เชียงใหม่ ระบุแผนบรรเทาความเดือดร้อนว่า ระยะเร่งด่วน พ่อของเด็กหญิงที่ถูกกัดสละพื้นที่บริเวณบ้านประมาณ 1 ไร่ สร้างกรงล้อมให้เป็นที่อยู่ชั่วคราวของสุนัขเหล่านั้น เพื่อจำกัดพื้นที่ไม่ให้ไปก่อปัญหาซ้ำอีก ขณะที่เจ้าของฟาร์มสุกรใกล้เคียงช่วยสนับสนุนเงินค่าสร้างกรง ด้านปศุสัตว์จังหวัดจะระดมทีมสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่มาจับสุนัขเจาะเลือดส่งตรวจห้องปฏิบัติการดูว่ามีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ รวมถึงวางยา ผ่าตัดทำหมัน ตรวจสุขภาพไปเลยทีเดียวก่อนนำไปกัก พักฟื้นในพื้นที่ที่เตรียมไว้ ส่วนระยะยาวก็จะประสานมูลนิธิ องค์กรสงเคราะห์สัตว์ใน จ.เชียงใหม่ส่งต่อสุนัขเหล่านั้นไปดูแล ซึ่งมีหลายแห่งตอบรับมาแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำให้สุนัขเหล่านั้นไม่ไปไหน ก็เพราะมีคนใจบุญคอยให้อาหาร
เหตุการณ์สุนัขจรจัดกัดเด็ก หรือไล่กัดคนทั่วไป หรือกลับกัน การทำร้ายสัตว์เลี้ยง จะสุนัขหรือแมวก็แล้วแต่ มักจะมีคอมเม้นท์ ข้อเสนอแนะวิธีจัดการแก้ไขปัญหาตามมา ให้เร่งคุมประชากรสุนัขจรจัด ทำหมัน ฉีดวัคซีน ฯลฯ แต่สุดท้ายก็เงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งพอเกิดเหตุอีก กระแสสังคมก็กระหึ่ม หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ตื่นตัวลุกขึ้นมาดำเนินการที ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนไปอย่างน่าเสียดาย
กรณีเด็กหญิงวัยขวบเศษที่ดอยสะเก็ดที่ตกเป็นเหยื่อคมเขี้ยวรายล่าสุด เราจะน่าใช้เป็นกรณีศึกษาจัดการปัญหาสุนัขจรจัดไม่ให้ก่อปัญหาขึ้นในชุมชนได้โดยที่ไม่ต้องรอกฎหมายหรืองบประมาณจำนวนมากมายจากรัฐบาล อาศัยภาคประชาสังคม โดยความร่วมมือคนในชุมชน จับมือเจ้าหน้าที่รัฐ ชุมชนใครก็รับผิดชอบกันไป แยกกันทำเหมือนเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆ นำมาต่อกันก็จะกลายเป็นภาพใหญ่
ต้องยอมรับ ทุกชุมชนมีปัญหาสุนัขจรจัดแบบที่ดอยสะเก็ด ถ้าเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เข้าไปนั่งคุยกับคนในพื้นที่ ดึงคนใจดีที่คอยให้อาหารเข้ามาช่วย จับฉีดวัคซีน ทำหมัน ขึ้นทะเบียนแบบบ้านๆ ไม่ต้องมากพิธีรีตอง แค่ให้รู้ว่าชุมชนนี้มีสุนัขจรกี่ตัว ระดมความร่วมมือคนรักสุนัข แมวมาช่วยกันดูแล นอกจากทำวัคซีน ทำหมันแล้ว ยังสามารถควบคุมโรคระบาดในสัตว์ เรียกว่า จัดสวัสดิภาพทั้งคนและสัตว์ในชุมชนให้ถูกสุขลักษณะ เมื่อสุนัขหรือแมวจรจัดได้รับการดูแลที่เหมาะสม ก็จะไม่ออกไปก่อกวนคน ปัญหาทารุณกรรม ทำร้ายสัตว์หรือสุนัขมาไล่กัดคนก็จะลดน้อยลง เรียกว่าอยู่ร่วมกันได้แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ส่วนการจับออกไปจากพื้นที่แห่งหนึ่ง ไปไว้ในอีกแห่งหรือมอบให้องค์กรหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งรับไปดูแล เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดหรือไม่จะกลายเป็นการผลักภาระ เพิ่มปัญหาให้พื้นที่หรือองค์กรที่รับไปดูแลโดยลำพังหรือไม่ สวัสดิภาพทั้งคนรับเลี้ยง และสัตว์ที่ถูกส่งไป ก็น่าจะลดลงไปตามลำดับ
เป็นไปได้หรือไม่ที่กรมปศุสัตว์น่าจะทดลองทำแผนจัดการสุนัขจรจัดในชุมชนขึ้นที่ดอยสะเก็ดดู เพราะจำนวนสุนัขไม่มาก มีชาวบ้านในพื้นที่พร้อมเสียสละสนับสนุน รัฐและหน่วยงานท้องถิ่นก็เพิ่มความช่วยเหลือด้านวัคซีน ทีมสัตวแพทย์ทำหมัน อาหาร วางแผนบริหารจัดการ สมทบงบสักก้อน ก่อนขยายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เชื่อว่าได้รับเสียงตอบรับจากคนในพื้นที่เป็นอย่างดี
ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆว่า การแก้ปัญหาทุกเรื่องต้องมีข้อกฎหมายรองรับ แต่บางประเด็น การทอดเวลารอร่างกฎหมายเฉพาะ ที่อาจต้องใช้เวลา ทำให้ปัญหาบานปลาย จัดการยากขึ้น อย่างเช่นขณะนี้ ที่ร่างพ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณา ยังไม่มีข้อสรุปการจัดการสุนัขหรือแมวจรจัดที่นับวันเพิ่มจำนวนแบบทวีคูณ ไม่น่ารอได้อีก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเดินหน้าหาช่องทางสกัดปัญหาลุกลามไปกว่านี้ เพราะยังมีกฎหมาย ข้อบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้อง นำมาใช้ได้
พูดกันมาเยอะแล้ว ลงมือทำกันสักทีเถอะถ้าไม่ตีเหล็กตอนร้อน แล้วจะขึ้นรูปมีด รูปดาบได้สำเร็จเมื่อใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี