ที่ประชุม ทปอ.เห็นด้วยในหลักการที่จะตรวจสอบทุจริตภาครัฐ และเห็นด้วยที่อธิการบดี-รองอธิการบดียื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่ไม่เห็นด้วยที่ให้กรรมการสภายื่นบัญชี เพราะทำหน้าที่ทางวิชาการไม่มีส่วนเรื่องอำนาจ การจัดซื้อจัดจ้าง คาดยื่น ป.ป.ช.ทบทวนวันที่ 8 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 7 พ.ย.61 ที่ห้องประชุมศาสตราจารย์วิจิตร ศรีสระอ้าน ชั้น 5 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้ร่วมประชุมหารือกับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยในกำกับ ทั่วประเทศ รวมถึงอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และมหาวิทยาลัยราชภัฏ ร่วมหารือกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกาศกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 กำหนดให้นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภา และอธิการบดี ของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) แจ้งหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่งผลให้เกิดเสียงสะท้อนในลักษณะไม่เห็นด้วย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จ่อไขก๊อกเพียบ! อธิการบดีถกเครียดปมปปช.บังคับยื่นทรัพย์สิน ‘หมอธี’วอนสภาจุฬาฯอย่าลาออก)
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ใช้เวลาในการประชุมมากกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะมีข้อสรุป ว่า ที่ประชุมอธิการบดี เห็นด้วยในหลักการป้องกันและตรวจสอบมิให้มีการทุจริตในภาครัฐ ดังนั้นผู้บริหารมหาวิทยาลัยระดับสูง ได้แก่ อธิการบดี และรองอธิการบดี จึงสมควรยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ตามที่กำหนดในประกาศ แต่การที่กำหนดให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับด้านวิชาการเป็นหลัก เช่น การให้ข้อเสนอแนะนโยบายด้านการเรียนการสอน การวิจัยและนวัตกรรม การอนุมัติหลักสูตร การอนุมัติการให้ปริญญา และการอนุมัติตำแหน่งทางวิชาการ กรรมการสภามหาวิทยาลัยมิได้มีอำนาจเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐโดยตรง อันอาจจะทำให้เกิดการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ กรรมการสภามหาวิทยาลัยจึงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในการบริหารหรือเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะกำหนดให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อกรรมการ ป.ป.ช.
นอกจากนี้ ที่ประชุม ทปอ.ยังเห็นว่า ผลกระทบจากประกาศฉบับนี้ ทำให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยบางแห่งไม่ประสงค์จะปฎิบัติหน้าที่ต่อไป เพราะเหตุว่าการยื่นบัญชีทรัพย์สินแม้จะเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจตามหลักการตรวจสอบเพื่อธรรมาภิบาลก็ตาม แต่สร้างภาระแก่ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินมากเกินควร รวมทั้งจำเป็นต้องยื่นทรัพย์สินของคู่สมรสและบุตรที่เป็นผู้เยาว์อีกด้วย ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศเพียง 60 วัน จึงไม่เพียงพอต่อการยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ถูกต้อง ครบถ้วนได้ หากยื่นบัญชีผิดพลาดแม้มิได้เจตนา ก็อาจมีโทษทางอาญาและถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกดังเช่นที่เป็นข่าวอยู่เสมอ
จึงได้มีกรรมการสภามหาวิทยาลัยบางแห่งได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ส่งผลกระทบให้สภามหาวิทยาลัยบางแห่งที่กรรมการได้ลาออกไปมีกรรมการสภาไม่ครบองค์ประชุม จึงไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ อันจะทำให้เกิดผลเสียต่อการบริหารงานของมหาวิทยาลัย และนิสิต นักศึกษา ที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนั้น
ที่ประชุม ทปอ. จึงเห็นควรเสนอให้ กรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาทบทวนข้อกำหนดในประกาศฉบับดังกล่าวให้มีความเหมาะสมกับการบริหารงานของมหาวิทยาลัย
“ทปอ.เห็นด้วยในหลักการป้องกันและตรวจสอบมิให้มีการทุจริตในภาครัฐ และเราเห็นด้วยที่ อธิการบดี และรองอธิการบดียื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่กรรมการสภามหาวิทยาลัยนั้น ทำหน้าที่ทางด้านวิชาการเป็นหลักและไม่ได้มีส่วนเรื่องอำนาจ การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐโดยตรง จึงไม่สมควรที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. อย่างไรก็ตามคาดว่าอย่างเร็วในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.61) ทปอ.จะเสนอให้ ป.ป.ช.พิจารณาทบทวนข้อกำหนดในประกาศฉบับดังกล่าว โดยจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร็ว” ศ.ดร. สุชัชวีร์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี