ไม่ให้ประกันตัว
2สาวลวงทำข้าวหมื่นกล่อง
ตร.แจ้งข้อหาฉ้อโกง
ปากแข็ง-ขอสู้ชั้นศาล
คดีติดตัวเป็นหางว่าว
ตร.อุตรดิตถ์ คุม 2 ผู้ต้องหา คดีฉ้อโกงข้าวหมื่นกล่อง สอบเครียด ทั้งคู่ยังปากแข็ง ลั่นไม่ผิด ขอให้ปากคำชั้นศาล ฝากขังที่ศาลจังหวัด แฉประวัติแสบมีคดีโชกโชน ฉ้อโกง-ยักยอกทรัพย์-ปลอมเอกสาร-ครอบครองยาเสพติด หลอกญาติพี่น้องจนถูกยึดบ้านที่ดินขายทอดตลาดใช้หนี้
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รรท.ผบก.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วย พล.ต.ชัยเดช สุรวดี ผบ.มทบ.35 นำกำลังทหาร ตำรวจชุดสอบสวน ภ.จว.อุตรดิตถ์ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พญาแมน มารักษาความปลอดภัยและสงบเรีอบร้อย โดย ร่วมกันสอบปากคำ นางธนิตา อายุ 37 ปี ผู้ชักชวน และ น.ส.กัญจ์หทัย อายุ 40 ปี ผู้ทำสัญญา ผู้ว่าจ้างทำข้าว กรณีผู้เสียหายชาว จ.อุตรดิตถ์ ถูกหลอกให้ทำข้าวกล่องและน้ำดื่มส่งให้กับโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก แต่โรงงานไม่เดินทางมารับของ ทำให้ผู้รับจ้างสูญเงินลงทุนไปเกือบ 1 ล้านบาท เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 268/2 หมู่ 8 ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ มีนางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปีได้แจ้งความไว้
และมีผู้เสียหายอีกรายคือนางสาวนภัสวรรณ ยิ้มเจริญ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 275 หมู่ที่ 3 ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายอัครเดช ยิ้มเจริญ อายุ 53 ปี แต่ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ก.ย.2560 ที่ผ่านมา หลังถูกทั้ง 2 คน ว่าจ้างให้ทำข้าวกล่องมาแล้วเช่นกัน ตอนนั้นทำ 20,000กล่อง แต่หลังทำข้าวเสร็จผู้สั่งทั้ง 2 คน บอกว่าข้าวไม่ดีข้าวไม่ได้มาตรฐานและจะทำการปรับเป็นเงิน 350,000 บาท เท่ากับจำนวนข้าวกล่องๆละ 35 บาทซึ่งตอนนั้นถูกปรับไปเป็นเงิน 700,000 บาท โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชีให้ ทำให้พ่อเครียดจนเสียชีวิตจนเสียชีวิตจากเส้นเลือดอุดตัน
ทั้งนี้ หลังทางตำรวจ ได้สอบปากคำเครียดเมื่อคืนวันที่ 7 พ.ย.นานกว่า 5 ชั่วโมงก่อนปล่อยตัวไป
และนัดมาสอบปากคำอีกครั้งในช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ย.เวลา 09.00น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปลี่ยนห้องสอบสวน จากชั้น 2 เป็นชั้น 1ของ สภ.พญาเมน โดยนำแผงกั้นมาปิดทาง เข้า-ออก พร้อมเขียนป้ายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้า ก่อนสอบสวนใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมง
จากการสอบปากคำครั้งแรก ทั้งสองผู้ต้องหาต่างให้การว่า พวกตน ไม่ได้หลอกลวงผู้ทำสัญญารับจ้าง อ้างว่าผู้ทำสัญญา ทำผิดตามสัญญาเอง โดยไม่ส่งข้าวกล่องตามเวลาที่ได้กำหนดในสัญญา พร้อมยืนยัน จะขอฟ้องคดีแพ่ง กับผู้ทำสัญญารับจ้างที่กล่าวหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวน ได้รวบรวมเอกสารหลักหลักฐาน พบว่านางธนิตา และ นางกัญจ์หทัย ไม่มีสัญญากับบริษัทใดตามที่แอบอ้าง เนื่องจาก ไม่พบว่ามีการโอนเงินเพื่อทำธุรกรรม
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สภ.พญาแมน ได้แจ้งข้อกล่าวหาหา กับทั้งสองผู้ต้องหา ร่วมกันฉ้อโกง เพื่อเอาทรัพย์สินผู้อื่น แต่ทั้งคู่ให้การปฏิเสธทุกข้อหา และไม่ให้การใดทั้งสิ้น แต่ขอทั้ง2ฝ่ายไปต่อสู้คดีในชั้นศาลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ยุติธรรม เนื่องจาก ผู้ทำสัญญาขายผิดข้อตกลงตามที่ได้ทำสัญญาสัมปทานข้าวกล่องและน้ำดื่มรวมถึงไข่ต้มด้วย
จากนั้น เวลา 12.00น.เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า10นาย ได้ควบคุมตัว ทั้งสองผู้ต้องหาขึ้นรถเพื่อนำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ โดยทั้งคู่ปฏิเสธไม่ขอให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายรายอื่นเข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติม
ด้าน พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รรท.ผบก.อุตรดิตถ์ กล่าวว่าวันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหา 2 คนมาสอบปากคำเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทุกอย่างมีหลักฐานแน่นหนาที่สุดในการพิสูจน์ความผิด หรือ ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เพื่อนำคดีขึ้นสู่ศาลและพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เรื่องการประกันตัวขึ้นอยู่ในดุลยพินิจของศาล หากศาลไม่ให้ประกันตัว ก็ต้องคุมขังภายในเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์หรือหากให้ประกันตัวในชั้นศาล ก็ต้องมารายงานตัวทุกระยะ
พล.ต.ต.พยูห์ ยืนยันว่าทุกขั้นตอนเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างโปร่งใส รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่มีเจ้าหน้ารัฐคนใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องของคดีตามที่สื่อนำเสนอข่าว ส่วนที่ระบุว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องในขบวนการในการช่วยไกล่เกลี่ยนั้น ยังไม่พบ หากมี ผู้เสียหายคงถูกบังคับให้เป็นผิด
ล่าสุด พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ได้รับการประสานมาจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่าในวันจันทร์ที่ 12 พ.ย.นางสาวนภัสวรรณ ยิ้มเจริญ อายุ 26 ปี ลูกสาว นายอัครเดช ยิ้มเจริญ อายุ 53 ปี ชาว อ.เมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งเคยได้สัมปทานเกี่ยวกับข้าวกล่องและ ถูกปรับไปรวมทั้งหมด 3 ล้านบาท และ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 60 ได้เสียชีวิตนั้น จะเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองฝ่ายเช่นกัน
มีรายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับนางธนิตา หรือ (อิ๋ว) มีคดียักยอกทรัพย์ 4 คดี ฉ้อโกง 4 คดีปลอมแปลงเอกสาร1คดีและยาเสพติด 1คดี โดยทั้งหมด ยังอยู่ในระหว่างประกันตัวอยู่ ก่อนหน้านี้นางธนิตาได้ฉ้อโกงญาติพี่น้องซึ่งค้ำประกันรถยนต์ 4คัน ที่ได้ออกมาพร้อมๆกัน ใน จ.อุตรดิตถ์ และ จ.พิษณุโลกแต่นางธนิตาไม่เคยส่งค่างวดเลยทำให้ผู้ค้ำประกันถูกยึดบ้านพร้อมที่ดินขายทอดตลาดเพื่อชดใช้หนี้
มีรายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับนางธนิตา พบว่ามีคดีทั้งหมด 10 คดี ทั้งยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสาร ฉ้อโกงทรัพย์ ครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่าย ตั้งแต่ปี 2546-2559 โดยเฉพาะคดียาเสพติด ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 1 ปี ปรับ1แสนบาท และ ในวันที่ 12 พ.ย.2561นี้จะต้องไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ามาช่วยคดีนี้ได้ไลฟ์สด เมื่อค่ำคืนวันที่ 7พ.ย.ที่ผ่านมา แฉประวัติฉาว”คนสวยใจดำ”มีสามีเป็นอดีตทหาร แต่มีพฤติกรรมต้มตุ๋นหลอกลวงมายาวนาน มีหลอกยืมเงินเพื่อนสนิท มิตรสหาย บอกแม่ใกล้ตาย ต้องผ่าตัด ยืมเงิน 1.5แสนบาท สุดท้าย ก็ชักดาบ ก่อนหน้านี้เคยหลอกญาติพี่น้องตัวเองให้มาทำเรื่องนี้เหมือนกันครั้งนั้นโดนไป 20,000กล่อง ต้องเสียค่าปรับเป็นเงินถึง7แสนบาท ค่าเสียหายที่ลงทุนไป3ล้านกว่าบาทจนพ่อเหยื่อเส้นเลือดในสมองแตกตาย อีกราย ก็โดนไปลักษณะนี้เสียหายหลายแสน
อีกทั้งเคยมีประวัติโชกโชน ในรอบหลายปีที่ผ่านมาทั้งในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.พิษณุโลก เมื่อปี 2546 มีความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์,ปี2549มีการปลอมเอกสารทางราชการ,ปี2552,2555,2556 มีคดีฉ้อโกงทรัพย์,ปี2558 คดีครอบครองยาเสพติด,ปี2559และ2560 มีคดียักยอกทรัพย์ โดนไปทั้งหมด 10 คดียาว
ล่าสุด ศาลไม่ให้ประกันตัว นางธนิตา ผู้ชักชวน ส่วน น.ส.กัญจ์หทัย ผู้ทำสัญญา ไม่ขอประกันตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี