โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ถือว่าคืบหน้าเป็นระยะ โดยเฉพาะในด้านการตลาดที่จะมารองรับผลผลิตในโครงการ เพราะขณะนี้ทั้งกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ประสานกับบริษัทเอกชนตั้งจุดรับซื้อในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งภาคเอกชน ต่างขานรับพร้อมรับซื้อข้าวโพดทุกฝักภายใต้โครงการดังกล่าว โดย นายระพีภัทร จันทรศรีวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรฯ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงเกษตรฯให้ข้อมูลว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯพร้อมเดินหน้าเต็มที่ หลังจับมือกับบริษัทเอกชนประกาศจุดรับซื้อในพื้นที่กว่า 1 ล้านไร่ ใน 33 จังหวัด อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจตราการบริหารจัดการในเรื่องปัจจัยการผลิต (น้ำ,ปุ๋ย,เมล็ดพันธุ์) และจุดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้มีความโปร่งใส เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้าแทรกแซง โดยปัจจุบันมีบริษัทภายใต้สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ แจ้งรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร อย่างน้อย 4 แห่ง ได้แก่ 1. บริษัท บีอาร์เอฟ ฟีด (ไทยแลนด์) จำกัด 2. บริษัท ลีพัฒนาอาหารสัตว์ จำกัด 3. บริษัท เบทา โกร จำกัด และ 4. บริษัท คาร์กิลล์มีทส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น นอกจากนี้ มีเอกชนในพื้นที่รับซื้อ 8 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าในท้องถิ่นที่เป็นคู่ค้าเดิมของสหกรณ์ หรือเป็นผู้รับซื้อรายใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งผลการจับคู่กับเอกชนเพื่อรับซื้ออาหารสัตว์พบว่าส่วนใหญ่มีการจับคู่คู่ค้าเรียบร้อยแล้วและมีบริษัทเอกชนวางแผนเข้ารับซื้อแล้ว
สำหรับบริษัทภายใต้สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทยยินดีสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ราคาพิเศษ ผ่านร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตที่รับบัตรเกษตรสุขใจ (A-Shop) และจะดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้อง ด้วยวิธี Train The Trainer ผ่าน Video Conference เบื้องต้นมีบริษัทจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ แจ้งข้อมูลแล้วอย่างน้อย 4 บริษัท ได้แก่ 1. บริษัท แปซิฟิค เมล็ดพันธุ์ จำกัด 2. บริษัท ชินเจนทา ซีดส์ จำกัด 3. บริษัท เมล็ดพันธุ์ เอเชีย จำกัด และ 4. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด เป็นต้น โดยทุกบริษัทสามารถจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ได้ทุกจังหวัด เกษตรกรสามารถเลือกใช้ได้ตามความชอบ และขณะนี้มีสหกรณ์ 274 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการ และเป็นจุดรวบรวมผลผลิต โดยเป็นสหกรณ์รวบรวมพร้อมปรับปรุงคุณภาพ 21 แห่ง สหกรณ์เป็นจุดรวบรวมอย่างเดียว 132 แห่ง สหกรณ์ที่พร้อมให้เอกชนเช่าพื้นที่เพื่อเป็นจุดรวบรวม 121 แห่ง ซึ่งทั้ง 274 สหกรณ์ ได้ส่งรายชื่อให้กับ ธ.ก.ส. เรียบร้อยแล้ว เพื่อประสานการเป็นร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตที่รับบัตรเกษตรสุขใจ กระทรวงเกษตรฯจึงเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา กับสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยในเร็วๆ นี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และกรมส่งเสริมสหกรณ์ (กสส.) ได้ร่วมลงนามความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง และข้อมูลสารสนเทศด้านส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางและข้อมูลสารสนเทศด้านการส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งจะเป็นการบูรณาการข้อมูลทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางของ กยท. และข้อมูลสารสนเทศด้านส่งเสริมสหกรณ์ของ กสส. เพื่อใช้ฐานข้อมูลระหว่างสององค์กรนี้ ให้เป็นประโยชน์ต่อการรองรับภารกิจของหน่วยงานและตอบสนองนโยบายรัฐบาล อีกทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่เกษตรกรชาวสวนยางในการพัฒนาการผลิต ตลอดจนการอำนวยสินเชื่อซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้วย โดยข้อมูลที่นำมาเชื่อมโยงในส่วนของ กยท.ได้แก่ ข้อมูลเกษตรกรผู้ปลูกยาง ข้อมูลสวนยาง จุดรวบรวมยางของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน ข้อมูลพื้นที่ปลูกยางของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน ข้อมูลความเคลื่อนไหวราคายางชนิดต่างๆ รวมถึงข้อมูลต้นทุนยาง/ราคายาง ตลาดกลางยางพาราและข้อมูลในส่วนของ กสส.ได้แก่ ข้อมูลสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ข้อมูลโรงงานผลิตยางแท่ง STR ข้อมูลโรงงานอัดยางก้อน ข้อมูลตลาด ข้อมูลโรงอบ/รมควันยางพารา ข้อมูลโรงตากยางแผ่นดิบ/ยางเครฟ ข้อมูลศูนย์รวบรวมน้ำยางสด เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่า ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานตามภารกิจของทั้งสองหน่วยงานและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องชาวสวนยางพาราและสมาชิกสหกรณ์อย่างแน่นอน
ขุนเกษตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี