12 พ.ย.61 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่าที่ประชุมหารือเพื่อระดมความคิดเห็น เรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินขององค์การค้าฯ ซึ่งทุกคนก็ได้ให้ความคิดข้อเสนอแนะที่ดีและมีความร่วมมือกันดี แต่งานด่วนที่สุดที่หารือกันคือเรื่องหนี้สินขององค์การค้าฯโดยเฉพาะหนี้วิกฤติ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ที่เป็นเจ้าหนี้องค์การค้าฯ ก็ให้หารือกันว่าจะช่วยองค์การค้าอย่างไรได้บ้าง รวมถึงเรื่องค่าลิขสิทธิ์
ด้านนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. กล่าวว่า องค์การค้าฯถึงกำหนดต้องชำระหนี้อยู่ประมาณ 2-3 หน่วยงาน โดยในที่ประชุมได้เสนอรัฐมนตรีว่าการศธ. ขอพักชำระหนี้ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานปลัดศธ. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ทั้งนี้ ในส่วนของสพฐ. รัฐมนตรีว่าการศธ. มอบให้องค์การค้าฯไปตรวจสอบรายละเอียดว่า หากองค์การค้ายังไม่จ่ายช่วงนี้ สพฐ.จะเดือดร้อนมากหรือไม่ ซึ่งหากขอพักชำระหนี้ได้ ก็ให้องค์การค้าฯเตรียมงบประมาณ สำหรับจ้างพิมพ์และซื้อกระดาษ และจากข้อมูลองค์การค้าฯเป็นหนี้ สพฐ. อยู่ประมาณ 30 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า สำหรับหนี้สินอื่นๆที่ รัฐมนตรี ศธ.ให้ดำเนินการนั้น ตนได้มอบให้ นายวีระกุล ผอ.องค์การค้าฯ หารือกับ สกสค.เพื่อดูรายละเอียดถึงการจัดทำแผนพัฒนาองค์การค้า เพื่อจัดอันดับว่าเรื่องใดที่จะต้องดำเนินการแก้ไขก่อนหลัง รวมถึงเรื่องการให้เช่าที่ดินขององค์การค้า ย่านลาดพร้าว จำนวน 2 ไร่กว่า ซึ่งเปิดประมูลเช่าไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ แต่ไม่มีผู้มายื่นซองประมูล จึงให้ปรับลดราคามัดจำลงมาให้เป็นไปตามราคาตลาด สำหรับหนี้เร่งด่วน เช่น ค่ากระดาษ และการจัดพิมพ์ เชื่อว่าไม่มีปัญหาเพราะถือว่าเป็นหนี้ปกติในเชิงธุรกิจและเร็วๆนี้ ทางองค์การค้าฯก็จะเริ่มมีรายไดเข้ามา จากค่ามัดจำ ที่ได้จากร้านค้าตัวแทน เราก็จะนำเงินส่วนนี้มาบริหารจัดการก่อนได้
ขณะที่ นายวีระกุล กล่าวว่า ที่ดินย่านลาดพร้าวจำนวน 2 ไร่กว่า ที่องค์การค้า เปิดประมูลให้เช่าไปแล้วแต่ไม่มีบริษัทเข้าประมูลนั้น ทางองค์การค้าฯ จึงขอปรับลดค่ามัดจำลงจากเดิม กำหนดค่ามัดจำไว้ที่ 72 ล้านบาท ลดลงเหลือ 44 ล้านบาท ระยะเวลาเช่า คือ 30 ปี ราคายังคงเดิม 360 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามบริษัทประเมินราคาที่ดินให้ข้อเสนอแนะ ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางนี้แล้วและให้องค์การค้าฯ เปิดประมูลโดยเร็วที่สุด
ผอ.องค์การค้าฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังอนุมัติให้องค์การค้าฯไปพิจารณาส่วนลดพิเศษ หนังสือค้างสต๊อก ส่วนใหญ่เป็นหนังสือของสสวท. ราคารวมประมาณ 175 ล้านบาท ให้กับร้านค้าตัวแทนเป็นกรณีพิเศษ ส่วนสต๊อกสินค้าอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะไม่ต้องการให้สินค้าที่ชำรุดออกไปสู่ตลาดโดยเด็จขาดแม้แต่ชิ้นเดียวเพราะจะทำให้เสียชื่อ อาจจะต้องมีวิธีการบริหารจัดการเป็นการเฉพาะ ซึ่งต้องเสนอให้คณะกรรมการบริหารองค์การค้าฯพิจารณาก้วยว่าจะจัดการอย่างไร เพราะการนำไปขายปกติ น่าจะทำให้เสียเวลาและยิ่งเกิดความสูญเสียมากขึ้น จึงอาจจะเสนอให้มีบริษัท หรือใครก็ได้ที่มีความสามารถไปทำการตลาด แต่ขั้นแรก ต้องเคลียร์ของเน่า-เสียออกจากสต็อคให้ได้ก่อน
ขณะเดียวกันก็เสนอให้ รัฐมนตรีว่าการศธ. พิจารณาการจัดทำวัสดุ อุปกรณ์การเรียนการสอนคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ ซึ่งตามกฎกระทรวง จัดอยู่ในวัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุน โดยให้โรงเรียนสามารถจัดซื้อวิธีพิเศษ ได้กับองค์การค้าฯโดยตรง ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบโรงเรียนได้รับงบฯในส่วนนี้ประมาณ 1.2 แสนบาท ไม่เกินวงเงินที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงให้จัดซื้อโดยวิธีพิเศษได้ไม่เกิน 1.3 แสนบาท ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว จะมีคณะกรรมการจัดซื้อสื่อของศธ. โดยมีรัฐมนตรีว่าการศธ. เป็นประธาน ประกอบด้วย ผู้บริหารองค์กรหลักของศธ. เพื่อช่วยพิจารณาการจัดซื้อสื่อที่เหมาะสมระดับกระทรวงศึกษาฯ หากงานใดทีทจ้างองค์การค้าจัดพิมพ์ได้ก็ให้จ้างองค์การค้า ซึ่งที่ผ่านมาองค์การค้า ได้สัดส่วนการจัดพิมพ์จากหน่วยงานใน ศธ.ค่อนข้างน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี