“กรมชลฯสุดเจ๋ง เตรียมขยายผลใช้ประโยชน์จากผักตบชวา 76 จว.ทั่วประเทศ ทั้งสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชุมชน ชี้.ความสำเร็จ.ต.ศาลาดิน นครปฐม รับซื้อผักตบตากแห้งจากชาวบ้านถึงโลละ 20 บาท ผสมทำดินพร้อมปลูกขายไม่ทัน จ.ฉะเชิงเทรา ทำปุ๋ยอินทรีย์ จนผักตบขาดแคลน พร้อมส่งสำนักวิจัยฯอาจทำพลังงานชีวมวล ชี้ประหยัดงบรัฐบาลใช้กำจัดเป็นพันล้านบาทต่อปี”
15 พ.ย.61 นายมนัส กำเนิดมณี รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารสำนักงานชลประทานดูแลลุ่มน้ำ ลงพื้นที่ดูงานนำผักตบชวามาใช้ประโยชน์สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชน ของกลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทานมหาสวัสดิ์ ต.ศาลาดิน อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ว่ากรมชลประทาน รับผิดชอบทางน้ำที่ประกาศใช้เป็นแนวลำน้ำระบายน้ำชลประทาน กว่า4หมื่นกม. โดยใช้งบในการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชทุกชนิด 200 กว่าล้านบาทต่อปี ทั้งนี้สำหรับลำน้ำ ลำคลองทั่วประเทศมี4แสนกว่ากม. ทำให้ในแต่ละกรมที่รับผิดชอบ เช่นกรมโยธาธิการ กรมเจ้าท่า และ กทม.ต้องเสียงบประมาณจำนวนมากทุกปีในการจำกัดผักตบชวา รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องใช้งบกำจัด ดูแลคูคลองในทุกพื้นที่ แต่ยังมีผักตบอีกมากมายลอยมาอยู่เต็มหน้าเขื่อนต่างๆ กำจัดเท่าไหร่ไม่หมดไป
ดังนั้นหากทุกชุมชนช่วยกันจำกัดตั้งแต่ต้นทางโดยนำผักตบไปใช้ประโยชน์ เช่นที่ ต.ศาลาดิน ได้นำผักตบตากแห้งไปผสมทำดินพร้อมปลูกใส่ถุงขายถุง10บาท บรรจุ 3กิโลกรัม มีต้นทุน 7 บาทต่อถุง โดยรับซื้อผักตบหั่นตากแห้งแล้วจากชาวบ้านถึงกิโลกรัมละ 20 บาท จนขณะนี้ผักตบในพื้นที่ขาดแคลน รวมทั้งยังมีกลุ่มเกษตรกร ต.บางระจัน จ.ฉะเชิงเทรา ที่รับซื้อผักตบจากชาวบ้าน นำมาทำปุ๋ยอินทรีย์ขายตันละ2.5พันบาท ทำให้ในพื้นที่ขาดแคลนผักตบเช่นกัน
“ผักตบชวาปัญหาสิ่งแวดล้อม ทุกปีต้องใช้งบกำจัดจำนวนมาก แค่ปรับความคิดจากพืชขยะให้เป็นพืชมีคุณค่า คนในชุมชนมีงานทำ ที่สำคัญรัฐบาลไม่ต้องเสียงบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมาก โดยชุมชนร่วมกลุ่มกันสร้างประโยชน์เช่นที่ ต.ศาลาดิน รับซื้อจากชาวบ้านโลละ 20 บาท หากคิดเชิงตัวเลขผักตบ 1 ไร่ ขายได้ถึง 3.2 หมื่นบาท โดยจะวางแผนขยายผลไปทุกสำนักงานชลประทาน ทั้งหมดทำด้วยความสมัครใจจากทุกชุมชนร่วมกันยกระดับ เพราะการแก้ปัญหาบางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก เพียงใช้มุมมองก็เปลี่ยนชีวิตได้” รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าว
นายมนัส กล่าวว่า จะนำต้นแบบการใช้ประโยชน์จากผักตบไปขยายผลให้กับกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทาน 2.7 พันกลุ่มทั่วประเทศ เมื่อดูความสำเร็จที่คลองมหาสวัสดิ์ และจ.ฉะเชิงเทรา แล้ว จะให้สำนักวิจัยและพัฒนาชลประทาน ไปทำแผนขยายผลไป 76 จังหวัด อาจนำผักตบไปเป็นพลังงานชีวะมวลด้วย เสนอขอรัฐบาลให้งบจากเงินกองทุนหมู่บ้าน มาพัฒนาเพิ่มศักยภาพให้กับกลุ่มผู้ใช้น้ำในการนำผักตบให้เป็นพืชที่มีค่าสร้างงานสร้างรายได้กับชุมชน ไม่ใช่เป็นพืชขยะ ซึ่งที่ผ่านมารัฐต้องเสียงบประมาณมหาศาลรวมแล้วกว่าพันล้านบาทในการกำจัดทุกปีก็ยังกำจัดไม่สิ้นซาก เพราะผักตบชวายังเป็นพืชแพร่พันธุ์ได้รวดเร็วจาก 1ช่อดอก มีเมล็ดกว่า 3 พันเมล็ดและเมล็ดที่อยู่ใต้น้ำมีอายุถึง15 ปี
ด้านนายวันชัย สวัสดิ์แดง ประธานกลุ่มบริหารการใช้น้ำมหาสวัสดี กล่าวว่าทั้ง 5 คลองในแถบนี้ ไม่มีผักตบชวา เพราะรับซื้อ 20 บาทต่อกิโลกรัมมาผสมทำดินพร้อมปลูกขายมีคนสั่งซื้อจนทำไม่ทันเพราะการใช้ดินจากผักตบมีประโยชน์เหมาะสมกับพืชและต้นไม้ ในเรื่องสังเคาระห์แสงได้ดี ชาวบ้านมีรายได้รับจ้างหั่นผักตบ ตักดินใส่ถุง วันละ 200-300 บาทต่อคน และจากพายเรือเก็บผักตบมาขายเดือนละ 6-8 พันบาทต่อคน
ตอนนี้ผักตบกลายพืชที่มีเจ้าของ ซึ่งกลุ่มได้เก็บกำไรไว้ถุงละ 1 บาท มาใช้บริหารจัดการให้คลองสวยน้ำใส ได้ดำเนินการมา 3 ปี เงินจากขายดินผักตบ ซื้อรถแบคโฮ ทำโรงเรือน ซื้อเครื่องผสมดิน อุปกรณ์ดักไขมัน ทำให้ชุมชนร่วมกันรักษาลำน้ำ และเปิดตลาดน้ำ เมื่อทุกคนอยู่ในพื้นที่ได้มีอาชีพ ทำให้รักคลองมหาสวัสดิ์ จากเมื่อก่อนผักตบอัดแน่นเดินข้ามได้ มีน้ำเน่าเสีย เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม หลังจาก3ปีได้ร่วมกลุ่มบริหารการใช้น้ำ ร่วมกับกรมชลประทาน ทำให้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง หมดไปได้คลองใสสะอาดและได้พัฒนาชีวิตยกระดับความเป็นอยู่คนในชุมชนได้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี