16 พ.ย. 61 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน. บางซื่อได้คุมตัว น.ส.นิภาพร สมุทรคีรี อายุ 34 ปี ชาว จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 807/2561 ลงวันที่ 12 พ.ย.2561 คดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ที่ได้สาดพริกป่นผสมน้ำ ใส่หญิงขับรถเบนซ์ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 16- 27 พ.ย.2561 เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานบุคคลอีก 4 ปาก และรอผลตรวจสอบประวัติต้องโทษของผู้ต้องหากับลายพิมพ์นิ้วมือ อีกทั้งยังต้องรอเสนอสำนวนการสอบสวนให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา
โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2561 เวลา 20.30 น. ขณะที่ น.ส.วาสนา เวสารัชเวศย์ อายุ 48 ปี ผู้เสียหายขับรถเบนซ์ ซี 250 สีขาว แบบสปอร์ต ทะเบียน 5 กฮ 6804 กรุงเทพมหานคร มาตามถนนกำแพงเพชร จากทางด้านแยกสะพานดำ เมื่อมาถึงแยกด่วนโรงปูนหรือหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถนนกำแพงเพชร แขวงและเขตจตุจักร กทม. ได้จอดหยุดรถรอสัญญาณไฟปรากฏว่า น.ส.นิภาพร ผู้ต้องหา ได้ขี่รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า สกูปปี้ ไอ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดข้างซ้ายรถแล้วเคาะกระจกประตูรถฝั่งด้านซ้ายคนขับ ทำทีเหมือนจะสอบถามเส้นทาง จึงลดกระจกลง ทันใดนั้นผู้ต้องหาได้สาดน้ำพริกป่นใส่ใบหน้าจนตาทั้งสองข้างได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับในกระเป๋ามีเงินสดจำนวน 800,000 บาท กำไลเพชร 65,000 บาท ซึ่งวางไว้ที่เบาะนั่งด้านซ้ายข้างคนขับ เชื่อว่าผู้ต้องหาจะลักเอาทรัพย์สินจึงรีบขับรถขึ้นทางด่วน ไปรักษาอาการบาดเจ็บ หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บแล้วจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางซื่อ ดำเนินคดี
ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้รับการว่าจ้างจากเจ๊ดา ให้นำน้ำพริกมาสาดใส่หน้าผู้เสียหาย จากนั้นให้ลักเอาทรัพย์สินภายในรถผู้เสียหาย แต่ปรากฎว่าหลังจากผู้ต้องหาสาดพริกแล้ว กลับไม่ได้รับค่าจ้าง ต่อมาวันที่ 15 พ.ย.2561 เวลาประมาณ 23.00 น. ตำรวจชุดจับกุมผู้ต้องหา จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ”ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาได้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยผู้ต้องหารับว่าเป็นคนสาดพริกป่นใส่น้ำ ใส่หน้านางวาสนา ผู้เสียหาย ส่วนกระเป๋าผู้ต้องหาให้การว่าเจ๊ดา จะเป็นคนไปเอากระเป๋าเอง แต่การกระทำของผู้ต้องหากับพวกไม่ได้ทรัพย์สินไป
ในชั้นสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมในความผิดฐาน “พยายามร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์ไป” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(1),339 วรรคสอง,340 ตรี ประกอบมาตรา 83และ 80
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
โดยวันนี้ไม่ปรากฏว่า มีญาติผู้ต้องหา มายื่นคำร้องขอประกันตัวแต่อย่างใดเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเจ๊ดา บุคคลที่ น.ส.นิภาพร ผู้ต้องหาคดีนี้ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้ว่าจ้าง ทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่าชื่อ น.ส.แสงอรุณ ประทุมพวง กล่าวเคยขึ้นทะเบียนเป็นนายประกันที่ศาลอาญา ต่อมาถูกดำเนินคดีฐานละเมิดอำนาจศาล โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในบริเวณศาลอาญา เมื่อปี 2560 เป็นคดีหมายเลขแดง ล.5/2560
กรณีเมื่อเดือน พ.ค.2560 เจ๊ดา ได้ให้บุตรของผู้ต้องหาคดีหนึ่งมาพบที่โรงอาหารศาลอาญาและให้จ่ายค่าเบี้ยประกันเพื่อซื้อกรมธรรม์กับบริษัทประกันภัย จำนวน 50,000 บาท แต่เมื่อตรวจสอบกับผู้รับมอบอำนาจของบริษัทประกันภัย จนทราบว่าไม่มีเงินวางค่าเบี้ยประกัน บริษัทจึงไม่สามารถรับทำประกันในคดีนั้นได้
ต่อมาบุตรของผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้ติดต่อขอเงินคืน และได้รับเงินคืนมา 48,000 บาท โดยเจ๊ดาอ้างว่า ได้หักเงินบางส่วนเป็นค่าดำเนินการ ซึ่งศาลอาญาได้ดำเนินการไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลดังกล่าว และศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2560 โดยสั่งปรับเจ๊ดา 500 บาท และห้ามเข้าบริเวณศาลอาญาอีกเป็น 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.2560 -17 ก.ค.2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี