"กฤษฏา เข็นช่วยยางเข้ากยน.สัปดาห์นี้ ทั้งยกระดับราคายาง-จ่ายฟรีให้เกษตรกร -คนกรีดยาง 1.8 พันบาท ไม่เกิน15 ไร่ต่อราย"
19 พ.ย. 61 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่ามาตรการยกระดับราคายางพาราในครั้งนี้ จะไม่มีการใช้งบประมาณไปเข้าซื้อยางในราคานำตลาดและไปเก็บในโกดังเหมือนที่ผ่านมายังต้องเสียค่าเช่าโกดังเก็บยางสต็อกเก่า 1.40 แสนตัน ถึงปีละ120 ล้านบาท และจะเห็นว่าการซื้อนำตลาดไม่ได้ผลและไม่เกิดความยั่งยืน ซึ่งมาตรการที่จะเสนอคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ภายในสัปดาห์นี้ เช่น
1.โครงการส่งเสริมเพิ่มรายได้ ชาวสวนยาง ไร่ละ1.8 พันบาท ไม่เกินรายละ15 ไร่ จ่ายช่วยเหลือเกษตรกรและคนกรีดยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)
2.ทบทวนมาตราใช้ยางภาครัฐเป้าหมาย 2 แสนตัน กำลังแก้ไขระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ที่ยังมีงบค้างท่อกว่าหมื่นล้านบาท
3.การยางแห่งประเทศไทย(กยท.)ชดเชยราคาซื้อขายผ่านตลาดกลาง 6 แห่ง ในทุกผลิตภัฑณ์ยาง กิโลกรัมละ2 บาท โดยขอความร่วมมือบริษัทส่งออกยางรายใหญ่ 5 แห่ง เร่งดำเนินการรับซื้อยางเพื่อให้น้ำยางสดไม่ต่ำกว่า 36-37 บาทต่อกก.รวมทั้งผู้แทนเกษตรกรเสนอขอให้ชดเชยราคายางแผ่นรมควัน ยางแผ่นดิบ โดยเทียบราคาซื้อขาย ณ ท่าเรือ ราคาซื้อขายตลาดล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่า 4.09 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อจูงใจเกษตรกรทำยางแผ่นดิบ และจะช่วยดึงราคาน้ำยางสดไม่ให้ตกต่ำไปกว่า 3 กิโลกรัม 100 บาท
4.มีมาตรการทางภาษีให้กับบริษัทแปรรูปยาง ทำล้อยางรถยนต์ ให้ซื้อยางจากเกษตรและสถาบันเกษตรกรโดยตรง โดยขอความร่วมมือบริษัทต่างๆจัดแคมเปญรณรงค์ประชาชนเปลี่ยนล้อรถยนต์ในช่วงปีใหม่ ได้สิทธิแลกภาษีเหมือนช็อปช่วยชาติ ส่วนมาตรการที่ม็อบเกษตรกรสวนยาง เรียกร้องให้ประกาศใช้กฎหมายควบคุมราคา กำหนดราคารับซื้อยาง อยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์กรรมการการยางแห่งประเทศไทย รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ในวันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารกยท. เพื่อพิจารณามาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ตามที่นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรฯสั่งการให้นาแนวทางโดยเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ซึ่งกยท. จะเสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกร 1,800 ต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ โดยจะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกยท. และที่ดินที่ปลูกยางมีเอกสารสิทธิถูกต้อง 1,345,595 ครัวเรือน โดยจะช่วยเหลือทั้งเจ้าของสวนและผู้รับจ้างกรีดยาง สำหรับพื้นที่ปลูกยางพาราทั่วประเทศซึ่งมีเอกสารสิทธิถูกต้องมี 14,517,379 ไร่
นายเยี่ยม กล่าวว่า สำหรับยางในสต็อกมีคงเหลือประมาณ 104,000 ตัน นั้น ขณะนี้ กยท. กำลังทำแผนการนำยางแผ่นรมควันคงเหลือนี้ไปใช้เป็นสาธารณประโยชน์ เช่น ทำหมวกกันฝนต้นยางให้ชาวสวนยางนำไปใช้ทำสนามฟุตซอล์ท ทำทางเท้า พื้นสนามเด็กเล่น ทำพื้นปูคอกปศุสัตว์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ ที่สามารถใช้ยางคงเหลือดังกล่าวได้ หากหน่วยงานที่จะนำผลิตภัณฑ์ยางเหล่านั้นแจ้งจำนวนความประสงค์นำไปใช้และตั้งงบประมาณรองรับก็สามารถดำเนินการได้ทันที
หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกยท. มีมติเห็นชอบมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางแล้ว จะต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาเห็นชอบเป็นลำดับต่อไป
นอกจากนี้กยท. ยังได้ให้ขยายเวลาเกษตรกรชาวสวนยางเข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยฯ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล โดยสนับสนุนงบประมาณจำนวน 1,500 ล้านบาท (โครงการไทยนิยมยั่งยืน) เพื่อที่เกษตรกรชาวสวนยางมีทางเลือกในการประกอบอาชีพตามนโยบายเกษตรกรรมแผนใหม่ หรือทำอาชีพเกษตรผสมผสาน โดยมีเป้าหมายดำเนินการ 150,000 ไร่ ซึ่งเกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท.มีสวนยางที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ของตนเองที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายพื้นที่สวนยางที่เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่ 1 ไร่ แต่ไม่เกิน 10 ไร่ ต่อเกษตรกร 1 รายพื้นที่สวนยางที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องไม่เป็นสวนยางที่อยู่ระหว่างรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการฯ กยท. จะจ่ายเงินให้กับเกษตรกรเพื่อเป็นทุนสนับสนุนปัจจัยการผลิต ไร่ละ 10,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 2 งวด งวดที่ 1 จำนวน 4,000 บาท/ไร่ เพื่อใช้เป็นทุนในการปรับเตรียมพื้นที่ และงวด ที่ 2 จำนวน 6,000 บาท/ไร่ จะจ่ายให้หลังจากเกษตรกรผ่านการอบรมจากกรมส่งเสริมการเกษตร
ซึ่งโครงการฯ ดังกล่าวมีเกษตรกรเข้าร่วมแล้วกว่า 14,623 ราย คิดเป็นพื้นที่ 93,062 ไร่ กยท. จึงเปิดให้เกษตรกรชาวสวนยางที่สนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยฯ สมัครร่วมโครงการได้เพื่อให้ชาวสวนยางได้ประกอบอาชีพตามนโยบายเกษตรกรรมแผนใหม่ และมีรายได้มั่นคงและยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี