สสส.ผนึก 6 หน่วยงานภาครัฐ-ประชาสังคม บูรณาการระบบดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้าน เชื่อมหน่วยงานผสานไร้รอยต่อ“นำเข้า-รักษา-ส่งต่อ” พัฒนาระบบ 6 จุด เผยกทม.คนไร้บ้านมีปัญหาสุขภาพจิตรุนแรง 30% แนะวิธีสังเกต “รุงรัง-ติดเหล้า-ตาขวาง-หวาดระแวง” แจ้ง 191 หรือ 1300 ช่วยเหลือ
21 พ.ย.61 ที่โรงแรมดุสิตธานี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ 6 หน่วยงานภาคีเครือข่าย อาทิ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมสุขภาพจิต มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย และ มูลนิธิกระจกเงา ลงนามความร่วมมือ (MOU) ระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้านในเขตพื้นที่กรุงเทพฯเพื่อช่วยเหลือดูแลให้ความคุ้มครองสิทธิแก่ผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้าน เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการดำเนินการ และขยายครอบคลุมทุกเขตพื้นที่ของกทม.ต่อไป
ศ.นพ. รณชัย คงสกนธ์ รองประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีคนไร้บ้านทั่วประเทศ 30,000 คน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ มีคนไร้บ้าน 1,300 คน หรือ 30% มีปัญหาด้านสุขภาพจิตที่รุนแรงและเป็นอันตรายต่อสังคม 50% เข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุข เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน ขาดความสามารถในการดูแลตนเอง และการขาดความรู้ในเรื่องสิทธิในการรักษาพยาบาล ทำให้กลุ่มคนไร้บ้านที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต ขาดโอกาสในการได้รับสวัสดิการในการช่วยเหลือรักษาพยาบาลจากทางภาครัฐอย่างเหมาะสม
“ดังนั้นจึงได้ผลักดันประเด็นดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสสส. เพื่อทำการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ โดยพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้านในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครให้มีประสิทธิภาพและมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการนำส่ง การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหรือบ้านพักชั่วคราว และการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้านเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป”ศ.นพ.รณชัย กล่าว
นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9) สสส. กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้เกิดการบูรณาการความรู้และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและเครือข่ายภาคประชาชนในการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างและฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมทั้งการฝึกอาชีพและการหางานให้กับผู้ป่วยจิตเวชอาการทุเลาที่เสร็จสิ้นการบำบัดรักษาจากโรงพยาบาล เพื่อเตรียมความพร้อมในการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมและเพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้
นางภรณี กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนทั่วไปก็สามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนไร้บ้านที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต โดยการสังเกตง่ายๆ คือ แต่งกายไม่สะอาด ผมเผ้ารุงรัง มีกลิ่นเหล้าหรือสารเสพติด ตาขวางไม่เป็นมิตร พูดคนเดียวหรือถามตอบไม่ตรงเรื่อง และมีท่าทีหวาดระแวง โดยแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 และศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 เพื่อให้การช่วยเหลือตามระบบต่อไป
ขณะที่ดร.นิฤมน รัตนะรัต ผู้อำนวยการหลักสูตร ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายสังคม คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้จัดการโครงการวิจัย กล่าวว่า จากการวิจัยพบระบบการช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้าน มีปัญหาอุปสรรคหลายประการทำให้ขาดประสิทธิภาพการดำเนินการโดยเฉพาะการเชื่อมต่อของหน่วยงานต่าง สามารถสรุปขั้นตอนข้อเสนอในการพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้านในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ 6 จุด คือ
1.ควรจัดตั้งศูนย์รับแจ้งข้อมูลคนไร้บ้านกลางทางโทรศัพท์ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 และศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 จุดที่ 2 ควรจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการคนไร้บ้านกลาง จุดที่ 3 ควรจัดตั้งศูนย์ข้อมูลคนไร้บ้านกลาง จุดที่ 4 ควรทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) หรือจัดทำแนวทางการปฏิบัติร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลทั่วไปของรัฐที่รักษาโรคทางกายกับโรงพยาบาลจิตเวชในประสานงานร่วมกันในการส่งตัวและการรับตัวผู้ป่วยไร้บ้านเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล
จุดที่ 5 ควรกำหนดให้มีการประชุมให้ความช่วยเหลือร่วมกัน ระหว่างทีมสหวิชาชีพ จุดที่ 6 ควรมีการพัฒนาระบบการฟื้นฟูผู้ป่วยในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านกึ่งวิถีโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐในด้านงบประมาณ บุคลากร และองค์ความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่ภายในสถานคุ้มครอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี