รู้ต้นเหตุ‘เรือฟินิกส์’ล่ม อีก7วันแถลงชัดเจน ลุยเอาผิดผู้เกี่ยวข้องยกแผง
21 พ.ย.61 พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รรท.ผบช.สตม.) และนายหลี ชุ่น ฝู รองกงสุลใหญ่จีนประจำสงขลา และผู้อำนวยการสำนักงานกงสุลจีนประจำภูเก็ต เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการสืบสวนคดีเรือฟินิกซ์(Phoenix) ที่บริเวณคานเรือรัตนชัย อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาเรือฟีนิกซ์ วัตถุพยานหลักฐานสำคัญของคดี
พล.ต.อ รุ่งโรจน์ กล่าวว่า พร้อมทำความจริงให้ปรากฎเหตุเรือ Phoenix ล่ม ขณะนี้ได้เรือขึ้นมาแล้วซึ่งเป็นวัตถุพยานที่สำคัญก็จะมีการตรวจสอบเพิ่ม เพื่อที่จะให้ข้อมูลหลักฐานมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เบื้องต้นเป็นการดูข้อมูลทางกายภาพ หลังจากนี้ทีมวิศวกรจะทำการตรวจสอบกายภาพของเรือ การต่อเรือ ว่าเป็นไปตามแบบหรือไม่ จากนั้นทีมวิศวกรจะสรุป รวบรวมข้อมูลภายใน 7 วันจะทราบผลสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ จากการดำเนินการในเบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่วิทยาการเก็บข้อมูลมาตลอดระยะเวลา ตั้งแต่ช่วงเวลาที่นำเรือขึ้นจากน้ำมาได้ และต่อเนื่องมาจนถึงการเคลื่อนย้ายมาถึงฝั่งจนขึ้นคานเรือรัตนชัย เพราะฉะนั้นรายละเอียดต่างๆได้มีการบันทึกข้อมูลมาโดยตลอด ในหลักฐานทางกายภาพ ได้เก็บข้อมูลแล้ว แต่รายละเอียดเชิงลึกวิศวกรจะเริ่มเข้าตรวจสอบในวันที่ 22 พ.ย.61 โดยจะใช้เวลา 1 วันดำเนินการเก็บข้อมูลให้เสร็จสิ้น ในรายละเอียดต่างๆ จากนั้นจะนำข้อมูลมาสรุปวิเคราะห์ใช้ระยะเวลาประมาณ 7 วัน
รอง ผบ.ตร. ระบุว่า เมื่อได้ผลการรายงานจากวิศวกรจะนำมาประมวลผลและวิเคราะห์ว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเรือล่มในครั้งนี้ มาจากสาเหตุใดและใครเป็นผู้รับผิดชอบ ในส่วนของเรือที่จะตรวจสอบว่าได้มาตรฐานหรือไม่จะอยู่ในขั้นตอนที่วิศวกรจะดำเนินการตรวจสอบ โดยรายละเอียดจะสรุปมาเป็นรายงานที่มีความชัดเจน
“จากการตรวจสอบทางกายภาพด้วยสายตาพบก้อนหิน และแท่งซีเมนต์ ซึ่งในส่วนนี้จะให้ทีมวิศวกรเข้าตรวจสอบเพื่อคำนวณปริมาณก้อนหินและสิ่งต่างๆที่พบ ว่าจะมีผลต่อเรืออย่างไรบ้าง ผลการตรวจสอบจะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์” รอง ผบ.ตร. กล่าว
สำหรับในส่วนของ รองกงสุลใหญ่จีนประจำสงขลาและผู้อำนวยการสำนักงานกงสุลจีนประจำภูเก็ต ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลจีนที่เดินทางมาร่วมภารกิจในวันนี้ มีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานของรัฐบาลไทย โดยรัฐบาลจีนและประชาชนชาวจีน เข้าใจในกระบวนการทำงานที่รัฐบาลไทยมีความตั้งใจจริงในการเร่งหาสาเหตุ ข้อเท็จจริงที่โปร่งใสกระจ่างชัดในทุกแง่ทุกมุมที่จะดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ในการดำเนินคดีที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานไว้ อย่างต่อเนื่องเหลือเพียงหลักฐานในส่วนของเรือเท่านั้น ซึ่งพนักงานสอบสวนและวิศวกรได้ดำเนินการตรวจเก็บทางวิทยาศาสตร์ ดูรายละเอียดของการต่อเรือ การสร้างเรือ โครงสร้างของเรือและ จุดศูนย์ถ่วงของเรือ มีการดำเนินการอย่างไรทีมวิศวกร จะดูในเชิงลึก อีกครั้ง สำหรับทรัพย์สินที่พบภายในเรือประกอบด้วย กระเป๋า,หนังสือเดินทางและ โทรศัพท์ เป็นต้น
“ส่วนก้อนหินและแท่งซีเมนต์ซึ่งคาดว่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ จะให้ทีมวิศวกรตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่ออธิบายโดยใช้หลักทางวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นเรื่องทางวิชาการ ทั้งนี้วิศวกรจะเป็นผู้ดูแล จากนั้นจะนำมาวิเคราะห์ทางกระบวนการทางกฎหมายว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องบ้าง ในส่วนของเรือไม่ว่าจะจมอยู่ในน้ำเวลานานแต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการตรวจสอบแต่อย่างใด” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับข้อมูลที่สื่อมวลชนให้ความสนใจว่าเรือที่ล่มที่จังหวัดภูเก็ตมีความเกี่ยวพันกับเรือที่ล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นการรับรองของวิศวกรคนเดียวกัน จากกรมเจ้าท่าหรือไม่นั้น ข้อมูลส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม เมื่อเรือฟีนิกส์ขึ้นมาแล้วขอให้ทุกภาคส่วนไม่ต้องกังวลใจ
“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งกำชับให้ทุกภาคส่วนดำเนินคดี และทำความจริงให้ปรากฏ หากเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือตรวจรับรองต่างๆที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ของระเบียบข้อบังคับ รองนายกรัฐมนตรีสั่งให้ดำเนินคดี ในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอู่ต่อเรือ เจ้าหน้าที่ที่มาต่อเรือลำนี้ โดยหลังจากนี้ไม่เกินสัปดาห์หน้า จะได้เตรียมสรุปข้อมูลพร้อมกันและจะแถลงข่าวเพื่อที่จะปิดคดีในส่วนนี้ เพื่อทำให้ประชาชนชาวจีน ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต คลายความข้องใจว่าสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้ญาติพี่น้องเสียชีวิต เกิดจากสาเหตุใด” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ทีมวิศวกรเป็นผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ กระบวนการทำงานขณะนี้ไม่ยุ่งยากเนื่องจากว่าการตรวจแบบแปลนเรือ การสอบปากคำผู้ต่อเรือลำนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจเอกสารแปลนเรือมาก่อน พร้อมทั้งมีการสอบปากคำมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นในวันนี้เมื่อดูจากวัตถุพยานคือเรือจริงๆ ก็จะตรงกับ แปลนพิมพ์เขียวทั้งหมด ที่ได้ดำเนินการสอบสวนไว้แล้ว ในเรื่องความไม่สมบูรณ์ต่างๆ เรื่องการถ่วงโดยปูนหรือการเอาเครื่องยนต์รถบรรทุกมาใส่ ก็จะตรงทั้งหมด หรือมีจากูซี่ที่อยู่ข้างบน ซึ่งตามแบบจะต้องไม่มีจากูซี่ตามที่วิศวกรได้ระบุ และได้มีการมาต่อเติมทำเพิ่มภายหลัง โดยการต่อเติมในลักษณะนี้ ทำให้เรือไม่สมดุล ซึ่งจะต้องให้เวลาเพื่อให้ทีมวิศวกรได้ทำงาน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ ทางเรือในการที่จะนำหลักฐานต่างๆมาประกอบสำนวนสอบสวน
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าในสัปดาห์หน้าจะสรุปความจริงได้ทั้งหมด ว่าจะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับใครบ้างและรายละเอียดสาเหตุของเรือล่มเกิดจากอะไร โดยบทเรียนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับประเทศไทยและจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว และประเทศไทยจะต้องการสร้างมาตรฐานความปลอดภัย ทางรถทางเรือ เพื่อสร้างมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว และในสัปดาห์หน้าจะมีการสรุปข้อมูลทั้งหมดร่วมกับรัฐบาลจีน เพื่อให้สังคมได้เข้าใจ ให้ญาติผู้เสียชีวิตได้หายสงสัย โดยจะทำความจริงให้ปรากฎ เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยรับผิดชอบต่อสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเป็นการแสดงความจริงใจในการนำเรือขึ้นมา ในการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการค้นหาหลักฐานทั้งหมด
สำหรับงบประมาณในการดำเนินการกู้เรือ Phoenix ในครั้งนี้ใช้งบประมาณของรัฐบาล จำนวน 35 ล้านบาท โดยรัฐบาลมีความตั้งใจจริงมีความมุ่งมั่นที่จะกู้เรือ Phoenix ให้ได้จึงได้นำตัวเครนขนาด 1,200 ตัน จากประเทศสิงคโปร์ มาดำเนินการ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญในการหาสาเหตุของการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยว โดยการดำเนินการในครั้งนี้ยึดถือประเทศชาติเป็นสำคัญและจะทำให้ชาวภูเก็ตมีที่ยืน และสามารถประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวได้ยั่งยืนเช่นเดิม
ทั้งนี้ ที่คานเรือรัตนชัยซึ่งเป็นสถานที่เก็บเรือ Phoenix ได้มีการดำเนินการรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุด เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 4 ตัวเพื่อบันทึกภาพเรือPhoenix และบริเวณโดยรอบตลอด 24 ชั่วโมง และจัดเตรียมเจ้าหน้าที่จากตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจำนวน 2 นาย,ตำรวจน้ำ 2 นาย,ทหารบก 2 นายและทหารเรือ 2 นายมาประจำการอยู่เวรรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ เรือ Phoenix ซึ่งถือเป็น วัตถุพยานสำคัญในการดำเนินคดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี