แพทยสภารับลูกอัจฉริยะ สอบ‘หมอสูติ’ ลั่นถ้าผิดถึงขั้นถอดใบวิชาชีพ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 พ.ย.61 ที่อาคาร 6 ชั้น 7 สำนักงานแพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกแพทยสภา ในกรณีเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายเกี่ยวกับการที่มีหญิงสาวคนไข้เข้ารับการรักษาตัวในคลินิกของหมอสูติฯ ที่กำลังมีประเด็นดังที่ จ.นครสวรรค์ ในการมีพฤติกรรมในการล่อลวงคนไข้ และอาจส่อถึงมีพฤติกรรมไปในทางลามกอนาจารกับทางผู้เข้ารักษาหลายราย รวมถึงอาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายในการถูกกล่าวหาว่าอาจมีการข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ได้เดินทางมาเข้าพบ นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา พร้อมมอบแผ่น CD คลิปหลักฐานของสื่อมวลชนช่องหนึ่ง เอกสารหนังสือ สลิปหลักฐานการโอนเงิน และหลักฐานทางราชการบันทึกประจำวันต่างๆ เกี่ยวกับตัวหมอสูติฯ ที่เคยมีคดีในกระทำต่อหญิงผู้เสียหายจำนวนหลายคน ในการเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเกิดขึ้นในพื้นที่ของ สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อปี 2560
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาร้องแพทยสภาเพื่อให้ลงโทษหมอสูติฯ ในข้อหาผิดจริยธรรมทางการแพทย์ตามข้อบังคับข้อ 5 , 6 และ 21 โดยที่ทางเราได้รวบรวมหลักฐานต่างๆมาเสนอทางแพทยสภา ที่จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมต้นเดือนธันวาคมนี้ โดยหลักฐานประกอบไปด้วยเอกสารการยอมรับผิดทางคดีเมื่อปี 2560 ว่าได้มีการกระทำอนาจารต่อคนไข้หญิงด้วยกัน 2 ราย ซึ่ง 2 เคสนี้ได้มีการจ่ายค่าเสียหายจำนวน 30,000บาท และ 40,000บาท พร้อมหลักฐานอีกชิ้นคือสลิปการโอนเงินทางธนาคารเข้าบัญชีเหยื่อจำนวน 300,000บาท ว่าเป็นการยอมรับและจ่ายค่าเสียหายให้
นอกจากนี้ปรากฏมีผู้เสียหายรายหนึ่งจาก จ.เพชรบูรณ์ ได้บรรยายกิริยาท่าทางพฤติการณ์ของนายแพทย์คนนี้ในการตรวจภายในซึ่งไม่ได้ใช้เทคนิคทางการแพทย์ในการตรวจรักษา แต่เป็นใช้เทคนิคในการลวนลาม อาทิ ให้เปิดเสื้อถลกชุดชั้นในขึ้น พร้อมกับใช้มือเปล่าสัมผัสคลึงเต้านมโดยไม่ใส่ถุงมือตามหลักที่ควรทำและพูดว่าหน้าอกสวยดี จากนั้นได้ลูบไล้และเล้าโลม โดยใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ ซึ่งมันผิดหลักทางการแพทย์
“มันคือการลวนลามแต่ไม่ได้รักษา ขณะที่ตลอดระยะเวลาที่เปิดคลินิกมาก็ไม่เคยมีพยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาลอยู่ด้วยภายในห้องขณะตรวจทำการรักษาตรวจภายในด้านสูติฯด้วยแต่อย่างใด ประตูห้องก็สามารถล๊อคกลอนได้ทั้งด้านหน้าและหลังห้อง พฤติกรรมเหล่านี้มันก็สามารถบ่งบอกถึงการรักษาที่ผิดวิธีการตามขั้นตอนตรวจภายในของเเพทย์แล้ว” นายอัจฉริยะ กล่าว
ด้าน นพ.เมธี เปิดเผยว่า สำนักงานเลขาฯจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมกับทางคณะกรรมการบริหารชุดใหญ่คาดว่าจะมีการประชุมในต้นเดือนธันวาคมนี้ ขณะเดียวกันทางท่านนายกและท่านเลขาธิการรับทราบเรื่องทุกอย่างแล้วจากทางสื่อมวลชนที่ได้นำเสนอออกข่าวกันไป และติดตามข่าวอยู่ตลอด พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ โดยจะรีบดำเนินการให้ความจริงในเรื่องนี้กระจ่างขึ้นโดยเร็ว และต้องทำงานภายใต้อำนาจ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภาที่เราถืออยู่ และจะเน้นไปในด้านจริยธรรมวิชาชีพแพทย์ต้องตรวจสอบว่ามีข้อมูลเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และหากผู้ใดมีหลักฐานนำมามอบให้กับทางเราก็ขอขอบคุณและยินดีที่จะรับไว้เพื่อตรวจสอบจะได้มีการพิจารณาเรื่องที่รวดเร็วชัดเจนขึ้น
“เคสนี้มีอยู่ 2 ประเด็น คือเรื่องจริยธรรม และเรื่องคดีอาญา ถ้าผิดจริง สร้างความเสียหายมาก อาจถึงขั้นพักใบประกอบวิชาชีพ แต่ทำได้สูงสุดไม่เกิน 2 ปี ที่ผ่านมาเคยมีการลงโทษแบบนี้ แต่ไม่เคยให้ข่าว มีถึงขั้นถอดใบประกอบวิชาชีพ เป็นหมอไม่ได้อีกต่อไป ในกรณีนี้ถ้าหมอรับ สามารถตัดสินเรื่องจริยธรรมได้เลย แต่หากไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องคดีอาญา อำนาจในการชี้ขาดอยู่ที่กระบวนการยุติธรรม นั่นคือคำชี้ขาดจากศาล แพทยสภาก็ต้องรอว่าแพทย์ที่ถูกกล่าวหามีความผิดจริงหรือไม่ โดยภายในเดือน ธ.ค.จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามาชี้แจงให้ข้อมูลต่อไป” นพ.เมธี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี