โพลล์หนุนแก้กม.เปิดช่อง
ใช้กัญชาทำยา
ต้านต่างชาติจดสิทธิบัตร
บิ๊ก‘อภ.’ออกโรงเชียร์
ยันนักวิชาการไทยเก่ง
ผวา‘ตปท.’มุ่งกอบโกย
ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นในการแก้กฎหมายกัญชา-กระท่อม พบเกินครึ่งเชื่อมั่น และที่น่าสนใจคือ คนส่วนใหญ่ถึง 95.7% ไม่ยอมให้ต่างชาติจดสิทธิบัตรกัญชา-กระท่อม เห็นด้วยเปิดช่องให้นำมาศึกษาวิจัยทางการแพทย์ เพื่อคนรายได้น้อยเข้าถึงยารักษาโรค แต่ค้านเปิดเสรี หวั่นเด็ก เยาวชนเสพติด ด้านประธาน บอร์ด อภ.ปิดช่องพึ่งต่างชาติร่วมทุน ยันนักวิชาการไทยเก่งพอที่จะทำได้เอง
มีความเห็นหลังที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน มีมติเอกฉันท์ 145 เสียง เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ รักหลักการ วาระแรก ตามที่สมาชิก สนช. 44 คน นำโดย นายสมชาย แสวงการ สนช. เข้าชื่อเสนอ เพื่อแก้ไข พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ปลดล็อกให้ กัญชา สามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ พร้อมตั้งกรรมาธิการ 29 คน กำหนดแปรญัติ 7 วัน โดยจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เชื่อมั่นแก้กฎหมายกัญชาและกระท่อม กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,114 ตัวอย่าง โดยดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 1 – 24 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.2 เคยได้ยินประโยชน์ของกัญชา และร้อยละ 74.1 เคยได้ยินประโยชน์ของกระท่อม โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.7 เชื่อว่ากัญชาเป็นยารักษาโรคได้และร้อยละ 72.3 เชื่อว่า กระท่อม เป็นยารักษาโรคได้
อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.7 ไม่ยินยอมให้ต่างชาติมาจดทะเบียนสิทธิใช้ประโยชน์จากกัญชาของประเทศไทย และร้อยละ 96.1 ไม่ยินยอมให้ต่างชาติมาจดทะเบียนสิทธิใช้ประโยชน์จากกระท่อมของประเทศไทย เกินครึ่งหรือร้อยละ 59.6 เชื่อมั่นแก้กฎหมายกัญชาและกระท่อม ไม่ยอมให้ต่างชาติแทรกแซง ในขณะที่จำนวนมากหรือร้อยละ 40.4 ไม่เชื่อมั่น นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.3 เห็นด้วยที่กฎหมายอนุญาตให้ศึกษาวิจัยและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากกัญชาได้ และร้อยละ 74.5 เห็นด้วยต่อกฎหมายอนุญาตให้ศึกษาวิจัยและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากกระท่อมได้
นายนพดลกล่าวต่อว่า ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.9 คาดหวังว่า ค่ายารักษาโรคกลุ่มสรรพคุณเดียวกับกระท่อมและกัญชาจะราคาถูก เพื่อคนรายได้น้อย อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.2และร้อยละ 92.4 ไม่เห็นด้วยต่อการเปิดเสรีกัญชาและกระท่อมในประเทศไทย เพราะกลัวเด็กเยาวชน วัยรุ่นใช้เสพกัญชา กระท่อมมากขึ้น ใช้ในทางที่ผิด ทำลายสุขภาพ และปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรมอื่นๆตามมา
ด้านนพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีมีข้อกังวลการแปรรูปหรือการให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในการผลิตยารักษาโรคในคนจากกัญชาว่า เท่าที่เคยได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตร และดูแนวทางใช้สารสกัดกัญชาในทางการแพทย์ ตลอดจนประสบการณ์ด้านการบริหารสาธารณสุข ได้ข้อสรุปในตัวเองว่า ไทยไม่จำเป็นต้องให้ต่างชาติมาเป็นหุ้นส่วนเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์จากเรา
“ทางการแพทย์ใช้สารสกัดกัญชาโดยดูว่าโรคนั้น ต้องการ CBD หรือ THC สูงต่ำอย่างไร หรือในอนาคตถ้ารู้จักตัวอื่นๆ แล้วต้องการสารนั้นมาก เราต้องพัฒนาสายพันธุ์ให้ได้ตามต้องการ นักวิชาการไทยเก่งและมั่นใจว่าทำได้ อาจารย์วิเชียรจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และที่ปรึกษาองค์การเภสัชกรรมยืนยันว่าทำได้ ดังนั้น เราไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีจากต่างชาติ แล้วจะให้เขามาหุ้นทำไม เพื่อประโยชน์ใคร แต่องค์การเภสัชฯเบื้องหลังคือ รัฐบาลและประชาชน ให้ต่างชาติเข้ามาเพื่อหวังทุนจากเขาก็ไม่จำเป็นเพราะไม่ได้ลงทุนมากมาย ถ้าตอนนี้เปิดให้ต่างชาติเข้ามา เขาพร้อมทั้งสายพันธุ์และเงินทุน มาอาศัยแผ่นดินไทยกอบโกยกลับบ้าน และทิ้งเศษเงินให้นายทุนที่นำพาเข้ามา แล้วคนไทยก็คอยวิ่งตามเขากระมัง”นพ.โสภณกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี