เพิ่มค่าปรับ1พัน
มอเตอร์ไซค์วิ่งบนทางเท้า
คำสั่งกทม.-มีผลทันที
คดีชนนร.เดินฟุตปาธ
ศาลนัดพิพากษา24มค.
กทม.เพิ่มค่าปรับจักรยานยนต์ วิ่งบนทางเท้าจาก500 เป็น 1,000 บาท ถ้าไม่มีเงินยึดรถทันทีจนกว่าจะจ่ายค่าปรับครบ มีผลทันที ส่วนกรณีมอเตอร์ไซค์วิ่งชนนักเรียนหญิงบนฟุตปาธ ศาลสั่งสืบเสาะ ประวัติแมสเซนเจอร์ ก่อนนัดพิพากษา 24 มกราคม ปีหน้า
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจทั้ง 50 เขตในประเด็นเพิ่มความเข้มงวดโครงการ “จับจริง ปรับจริง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดหรือขับขี่บนทางเท้า” และกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุจักรยานยนต์ชนนักเรียนบริเวณซอยลาดพร้าว 69 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ขณะนี้ ก็ยังพบมีรายงานผู้ฝ่าฝืนวิ่งบนทางเท้าในบริเวณเกิดเหตุ รวมถึงจุดอื่นๆ ทั่วกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาทั้ง 50 เขตดำเนินการจับปรับอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม-วันที่ 31 ตุลาคม สามารถจับกุมได้ 9,572 คน ว่ากล่าวตักเตือน 3,250 คน ดำเนินคดี 6,142 คน และอยู่ระหว่างดำเนินคดี 180 คน รวมเงินปรับเป็นเงิน 3,393,100 บาท ส่วนในเดือนพฤศจิกายน ตั้งแต่วันที่ 1-26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบผู้กระทำผิดแล้ว กว่า 1,2000 ราย จับปรับได้เงินอีกกว่า 570,000 บาท
นายสกลธี กล่าวว่า แม้จะจับปรับได้จำนวนมาก แต่ก็ยอมรับว่า กำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจทุกเขตไม่เพียงพอต่อการดูแลให้ทั่วถึงตลอดเวลา ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กวดขันอย่างเข้มงวด ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวังให้หมดไป จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่กวดขันเรื่องการปรับอย่างเข้มงวดและจริงจัง โดยมติวันนี้ให้เพิ่มปรับสำหรับผู้กระทำความผิดจากเดิม 500 บาทเป็น 1,000 บาท โดยให้เริ่มเลยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และให้กวดขันในช่วงเวลาเร่งด่วนตั้งแต่ 08.00-09.00 น. และเวลา 16.00-19.00 น. โดยเฉพาะหน้าสถานศึกษาที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมาก และเมื่อทำได้สักกระยะจะมีการเรียกเทศกิจมาพูดคุยประเมินผล อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้น หรือลดลงอีกก็ได้ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคน
ทั้งนี้ หากพบผู้กระทำผิดเป็นเยาวชน หรือนักเรียน ย้ำไม่ให้เจ้าหน้าที่ตักเตือนแล้วปล่อยตัว แต่ขอให้เชิญผู้ปกครองมารับทราบพฤติกรรมบุตรหลาน และจับปรับเงินจากผู้ปกครองแทน และในกรณีที่เป็นประชาชนกระทำผิดแล้วอ้างไม่มีเงินจ่าย ให้เจ้าหน้าที่ยึดอายัดรถไปเก็บไว้ที่สำนักงานเขตได้ทันทีเพราะเป็นอำนาจหน้าที่ในกฎหมายที่สามารถทำได้ และให้นำเงินมาจ่ายค่าปรับจนครบ ก็จะให้รถคืน
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้กระทำผิดมักจะอ้างสาเหตุการฝ่าฝืนกฎหมายอยู่ด้วยกัน 2 ข้อ คือ การจราจรติดขัด จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำเวลาในการไปให้ถึงจุดหมาย จึงเลือกขึ้นทางเท้าเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร และจุดกลับรถอยู่ไกล ผู้ขับขี่จึงใช้การขับขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นบนทางเท้าเพื่อย้อนศร
นายสกลธี กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักเทศกิจ หารือกับตำรวจ เพื่อศึกษาแนวทางวิธีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีการบันทึกภาพและส่งใบเสียค่าปรับไปยังบ้านของผู้กระทำความผิดของตำรวจว่ามีข้อจำกัดอย่างไรหรือไม่ แม้กล้อง cctv ของ กทม.จะมีอยู่แล้วกว่า 50,000 ตัว แต่เป็นกล้องเพื่อความมั่นคงปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อการจับภาพกระทำความผิด ตอนนี้ได้มอบหมายให้สำนักเทศกิจทำโครงการติดตั้งกล้องเพิ่มเติม เพื่อเสนอสำนักจราจรและขนส่ง
ส่วนกรณีของวินมอเตอร์ไซต์รับจ้างที่จอดรถบนทางเท้า ได้มอบหมายให้ทุกสำนักงานเขตไปสำรวจตรวจสอบว่า จุดทางเดินเท้าพื้นที่ไหนกว้างมากพอ ก็จะให้ทำการปาดทางในลักษณะเดียวกับจุดจอดแท๊กซี่ เพื่อให้วินมอเตอร์ไซต์ลงมาจอดด้านล่าง ทั้งนี้คงจะไม่ไล่ให้ลงมาจอดบนพื้นผิวถนนทั้งหมด เพราะเดิมเป็นนโยบายที่ให้ขึ้นไปจอดบนทางเท้าเพื่อลดปัญหาการจราจร แต่จะขอความร่วมมือวินในกรุงเทพฯที่มีกว่า 5,000 วิน ไม่วิ่งบนทางเท้าสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน หากพบว่า ฝ่าฝืนคงไม่มีการละเว้น
วันเดียวกัน ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง2 (รัชดา) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูวดล ศรีสำโรง อายุ 23 ปี อาชีพพนักงานรับส่งเอกสาร เป็นจำเลยในความผิดฐาน ขับรถโดยประมาทฯ กรณีเมื่อเวลา 18.00 น.วันที 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จำเลยได้ขี่รถจักรยานยนต์ ทะเบียน กฏ 6283 กรุงเทพมหานคร มาตามถนนลาดพร้าว มุ่งหน้าย่านบางกะปิ ด้วยความประมาทปราศจากการระมัดระวังโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น มาถึงป้ายรอรถประจำทางบริเวณปากซอย ลาดพร้าว 69 จำเลยกลับขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นไปบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันควรด้วยความเร็วและความประมาทโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น ก่อนเฉี่ยวชน น.ส.กุลณี จันทรวิทุร นักเรียน รร.บดินทร3 ล้มลงกระแทกพื้น ได้รับบาดเจ็บบริเวณสะโพก และบาดแผลถลอกที่ขาทั้ง 2ข้าง เหตุเกิดที่แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง กรุงเทพ
ต่อมาวันที่ 27 พฤศจิกายน จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัยดำเนินคดีข้อหา ขับรถประมาทน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่ผู้อื่นและทรัพย์สินโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาต รา 33,390 ฯ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 32 43(4)(7)(8) 157,160ฯ รวมทั้งขอให้ริบรถจยย.ของกลางด้วย
ท้ายคำฟ้อง พนักงานอัยการระบุด้วยว่า การขับขี่รถของจำเลยเป็นการรบกวนความสงบสุข และความปลอดภัยของคนเดินเท้า และเป็นภัยภยันตรายแก่บุคคลและทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิด และเพื่อคุ้มครองสังคมและผู้สุจริตชน จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยสถานหนักด้วย จำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด และตกลงชดใช้ค่าเสียหายกับผู้เสียหายแล้วเป็นที่พอใจแล้ว ศาลพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะ ความประพฤติ ประวัติ การศึกษาและอื่นๆของจำเลย แล้วรายงานให้ศาลทราบเพื่อประกอบการพิจารณและนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 24 มกราคม 2562 เวลา 09.00น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี