การขับเคลื่อนพัฒนาเกษตรอินทรีย์ แนวทางสร้างมูลค่าสินค้าเกษตรที่ยั่งยืน (4)
l กรมพัฒนาที่ดินกับบทบาทเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย
“เกษตรอินทรีย์” เป็นเกษตรสมัยใหม่ โดยใช้การผลิตการตลาดสมัยใหม่ ร่วมกับเทคโนโลยีอย่างลงตัว และช่วยพี่น้องเกษตรกรไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลก ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคในตลาดปัจจุบันมุ่งเน้น ด้านสุขภาพและการรักษาสิ่งแวดล้อม เกษตรอินทรีย์จึงสมควรได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากทุกภาคส่วน “การรับรองแบบมีส่วนร่วม” หรือ Participatory Guarantee System (PGS) ซึ่งระบบนี้ริเริ่มโดยสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ เป็นระบบที่สมาชิกกลุ่มผู้ผลิต/ชุมชนมีส่วนร่วมตรวจสอบมาตรฐานผลผลิตของกันเองในพื้นที่ ทำให้เกิดความมั่นใจในสินค้าของตนในชุมชนในอนาคต ซึ่งอาจต่อยอดไปสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และสร้างมาตรฐานสินค้าส่งออก ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบายการสนับสนุนเกษตรอินทรีย์เป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่ให้ทุกหน่วยงานร่วมกันดำเนินการให้สำเร็จเห็นผลเป็นรูปธรรม และเน้นประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้บริโภคและเกษตรกร
กรมพัฒนาที่ดิน ในฐานะหน่วยงานหนึ่งที่ขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ เน้นใช้กระบวนการรับรองแบบมีส่วนร่วม การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ จำเป็นต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หนุนเสริมช่วยเหลือกัน ซึ่ง PGS เป็นกระบวนการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนระดับรากหญ้า (grass-root organization) ในการพึ่งตนเองตลอดห่วงโซ่การผลิต ถึงการตลาดด้วยการแสวงหาความร่วมมือจากทุกองค์กรทุกภาคส่วน ให้มีส่วนร่วมช่วยพัฒนานำผลิตผลและผลผลิตของเกษตรกรรายย่อยสู่ผู้บริโภคตามนโยบายของรัฐ ดังเช่นคำว่า “สานพลังประชารัฐ”หมายถึง การรวมพลังระหว่าง ภาคประชาชนและภาคธุรกิจกับภาครัฐในการทำงานพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อความมั่นคงของชีวิตเกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน ชุมชนท้องถิ่นและประเทศชาติ นอกจากนั้น ยังเป็นไปเพื่อการเรียนรู้แลกเปลี่ยนและสานสัมพันธ์กันในแนวระนาบ และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมในระดับฐานราก โดยอาศัยจุดแข็งของแต่ละองค์กรภาคีมาหนุนเสริมกัน รวมทั้งชื่นชมและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจและเกิดความสับสนระหว่างสินค้าเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัยจากสารพิษ (GAP) เกษตรปลอดสาร ไฮโดรโพนิกส์ว่าคืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ดังนั้น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างสินค้าเกษตรอินทรีย์และสินค้าทั่วไป เพื่อให้เกษตรกร ผู้ผลิตและผู้บริโภคเข้าใจตรงกันและสามารถแยกแยะได้ จึงจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์เผยแพร่เรื่องดังกล่าว สรุปดังนี้
เกษตรอินทรีย์ (organic agriculture) หมายถึง ระบบการจัดการ การผลิตด้านการเกษตรแบบองค์รวม ที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพวงจรชีวภาพ โดยเน้นใช้วัสดุธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการใช้วัตถุดิบจากการสังเคราะห์ และไม่ใช้ พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรม (genetic modification) หรือพันธุวิศวกรรม (genetic engineering) มีการจัดการกับผลิตภัณฑ์ โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ทุกขั้นตอน (คำนิยามตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มกษ9000 เล่ม 1 ของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ)
เกษตรปลอดภัย GAP (Good Agricultural Practice) หมายถึง ระบบการผลิตที่ถูกต้องในฟาร์ม โดยพิจารณาตั้งแต่พื้นที่การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และการจัดการหลังเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มีลักษณะตรงตามความต้องการ ปลอดภัยต่อการบริโภค ในประเทศไทยเริ่มจัดทำระบบ GAP ของแต่ละพืช ตั้งแต่พ.ศ. 2541 โดยเน้นด้านการปฏิบัติตามคู่มือการผลิต ดังตัวอย่างที่ปรากฏในเอกสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่รู้จักกันในชื่อ GAP ของพืชหลายชนิด โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ และมีการแก้ไขให้เป็นเอกสารการจัดทำระบบการผลิตตามข้อกำหนด GAP ของประเทศต่อไป
เกษตรปลอดสาร หมายถึง ระบบการผลิตที่มีการใช้ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมนเร่งและใช้เมล็ดพันธุ์ GMO ได้ แต่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่มีระบบการตรวจสอบและให้การรับรอง
ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics)คือ การปลูกพืชแบบไร้ดินหรือการปลูกผักโดยใช้น้ำที่มีธาตุอาหารพืชละลายอยู่แทนดิน ซึ่งจำเป็นต้องใช้สารเคมีอยู่ เพราะไม่มีดินที่เป็นตัวสะสมธาตุอาหาร
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า อาหารที่ผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ ปลอดภัยจากสารเคมีมากกว่าอาหารที่ผลิตในระบบอื่นๆกรมพัฒนาที่ดิน เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ขับเคลื่อนงานเกษตรอินทรีย์มาตลอด และเป็นฝ่ายเลขาคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติได้จัดงานมหกรรมเกษตรอินทรีย์ขึ้น ทั้งในส่วนภูมิภาค ทั้ง 4 ภาค รวมทั้งดำเนินการจัดประชุม เสวนาให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรในพื้นที่ ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่สนใจมีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักรู้ถึงทิศทางในการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศ และเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการบูรณาการแผนงาน/โครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ที่มีกลุ่มเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาในรูปแบบที่มีความหลากหลายของวิถีชีวิตและวัฒนธรรม รวมถึงการนำนโยบาย การตลาด
นำการผลิต มาใช้ในการขับเคลื่อนผลจากการดำเนินงานถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดีในระดับที่น่าพอใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี