ชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ รวบผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 13 ราย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ อบต.แห่งหนึ่งใน อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ร่วมด้วย ยึดของกลางยาบ้าร่วม 7,000 เม็ด ไอซ์เกือบ 1 กิโลกรัม อาวุธปืนเพียบ เผยเป็นเครือข่ายผู้ต้องหาหนีคดียาเสพติด ไปกบดานประเทศเพื่อนบ้าน ขณะผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ สั่งให้ออกทันที ย้ำเอาผิดเด็ดขาดทั้งวินัยและอาญา
4 ธ.ค.61 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่หอประชุมชัยจินดา ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ , นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ ,พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,พ.ต.อ.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,พ.ต.ท.สมยศ ฟื้นชัยภูมิ หัวหน้า ศอ.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,พ.ต.ท.วิษณุ อาภรณ์พงษ์ หัวหน้า ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ แถลงข่าวผลงานเจ้าหน้าที่ชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อ.นาโพธิ์ ได้สนธิกำลังร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายสำคัญ 2 ราย ผู้ต้องหารวม 13 คน ของกลางยาบ้า 6,411 เม็ด ,ยาไอซ์ 988.22 กรัม ,อาวุธปืนพกสั้น 3 กระบอก, กระสุนปืน 33 นัด และตรวจยึดรถยนต์ 1 คัน
โดยรายแรกเป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดเครือข่ายของ นายวัชระ หรือต้อม มะหันต์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ที่ได้หลบหนีคดีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ สามารถจับกุม นายสมทบ โอทารัมย์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/13 หมู่ที่ 1 ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี พร้อมยาบ้า 121 เม็ด ได้ในพื้นที่ สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จากนั้นชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ ได้ทำการขยายผลการจับกุม กระทั่งสามารถจับกุมตัว น.ส.อุไรวัลย์ หรือเจ๊ไร วัลวาล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 4 ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้ขณะกำลังนำยาบ้ามาส่งมอบให้กับนายสมทบ ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ พร้อมยาบ้า 1,247 เม็ด ซึ่งเจ๊ไร เป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดเครือข่ายนายวัชระ หรือต้อม ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ที่ได้หลบหนีคดีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน
ต่อมาชุดจับกุมได้ทำการจับกุม นายชีวิน หรือวิน แย้มสุริวงษ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 2 ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ขณะกำลังมาเก็บยาบ้า 1,998 เม็ด ที่มีผู้นำมาส่งมอบไว้ให้ในเขต อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ตามคำสั่งของ นายสัมฤทธิ์ หรือแก่ง วิเจดีย์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 5 ต.ทุ่งกระเต็น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ชุดจับกุมจึงได้ขยายผลเข้าทำการจับกุมนายสัมฤทธิ์ ได้ที่บ้านพัก พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน 2 นัด, อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 20 มม. 2 นัด
จากนั้นชุดจับกุมได้ทำการจับกุม นายวันชนะ หรือเดย์ อุตทะปา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ 5 ต.สะแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ตำแหน่ง เจ้าพนักงานธุรการปฎิบัติการ ระดับ 2 อบต.แห่งหนึ่งใน อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางยาบ้า 987 เม็ด ,อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 29 นัด
ส่วนอีกรายสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม จับกุมผู้ต้องหาได้ในเขต อ.พยัคฆภูมิพิสัย ขณะกำลังขับรถเตรียมนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้าในเขตพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้พร้อมของกลางยาบ้า 18,000 เม็ด ชุดพิทักษ์บุรีรัมย์จึงได้สืบสวนขยายผล จนทราบว่าเป็นผู้ต้องหาเครือข่ายของ นายสำรวย หรือติม พูนศรี ชาว อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ที่ได้หลบหนีคดีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านเช่นเดียวกัน
จากการขยายผลทราบว่ากำลังจะนำยาบ้า มาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จึงได้วางแผนจับกุมผู้ต้องหาที่จะมารับยาเสพติดดังกล่าว โดยสามารถจับกุม นายสันติภพ หรือเบิ้ม เหยียดรัมย์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 2 ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางยาบ้า 50 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 4.23 กรัม ได้ในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ และขยายผลจับกุม นายเทิดศักดิ์ หรือเอิท ดงวัง อายุ 35 ปี ที่อยู่ 56 หมู่ 7 ต.สีสุก อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา ได้ในพื้นที่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พร้อมยาบ้า 2 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 4.65 กรัม
ต่อมาชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ได้สืบสวนขยายผลจับกุม นายจักรกฤษณ์ หรือเต๋า สีจันฮ้อย อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 7 ต.ยางน้อย อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 5.34 กรัม ได้ในพื้นที่ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ จากนั้นขยายผลจับกุม นายสุรเดช หรือวุฒิ ศรีงาม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 18 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์, นายบี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ชาว อ.สตึก และนาย กฤตกนก หรือบิ๊ก วิเชียรโชติ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 18 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมของกลาง ยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 974 กรัม ขณะนำมาส่งมอบให้ลูกค้าภายในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จ.บุรีรัมย์ ได้สนองนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล โดยได้มีการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ทหาร ปกครอง และอาสาสมัคร ในนามชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ เร่งรัดปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติด เพื่อทำลายเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม และสร้างชุมชนสีขาวเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ซึ่งได้มีการดำเนินการกวาดล้างจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดได้มากถึง 13 ราย ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายสำคัญ 2 ราย ที่ได้หลบหนีคดียาเสพติด แล้วไปกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และยังมีพฤติการณ์สั่งยาเสพติด มาให้เครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ มาจำหน่ายต่ออีก จึงได้สั่งการให้ชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ เร่งดำเนินการสืบสวนปราบปรามจับกุมดังกล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวต่อว่า การจับกุมครั้งนี้พบว่าได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ค้าด้วย จึงได้สั่งการให้ดำเนินการเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญา ซึ่งนอกจากจะถูกดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ยังต้องดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด โดยสั่งให้ออกจากราชการทันที เพราะราชการ พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น เมื่อพบว่ามีการกระทำความผิดจะต้องดำเนินการให้เด็ดขาด เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องมีมาตรฐานต้องสูงกว่าประชาชน เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ของราชการแล้ว ต้องสนองนโยบายของรัฐ ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่มาทำตัวเป็นผู้ค้าหรือผู้เสพเสียเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี