การส่งเสริมการทำนาในรูปแบบแปลงใหญ่ เป็นหนึ่งในนโยบายที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาโครงสร้างการผลิตข้าวของประเทศไทย ด้วยการส่งเสริมให้ชาวนารายย่อยมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม ช่วยกันคิด ช่วยกันพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวให้ได้มาตรฐาน โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยีการผลิตข้าว ตลอดจนสนับสนุนปัจจัยการผลิต ที่สำคัญคือมีการเชื่อมโยงตลาดข้าวมาตรฐาน GAP ของกลุ่มนาแปลงใหญ่ ให้มีแหล่งรับซื้อที่แน่นอนในราคาที่สอดคล้องกับคุณภาพที่สูงกว่าข้าวทั่วไป
ดร.กฤษณพงศ์ ศรีพงษ์พันธุ์กุล อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กรมการข้าวได้ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมตัวกันทำนาแปลงใหญ่ เพื่อรวมกันผลิต รวมกันจำหน่าย เพื่อสร้างอำนาจในการต่อรองทางการค้าและที่สำคัญคือการผลักดันให้เกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่ทุกรายมีการผลิตข้าวตามระบบเกษตรดีที่เหมาะสม หรือมาตรฐาน GAP เป็นอย่างน้อย ก่อนจะพัฒนาไปสู่ขั้นการผลิตข้าวอินทรีย์ในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานข้าวไทย ให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ชาวนาไทยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยึดอาชีพทำนามาตั้งแต่บรรพบุรุษ สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จึงมีทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการปลูกข้าว เรียกว่าเป็นชาวนามืออาชีพอยู่แล้ว เพียงแค่ลองปรับระบบการผลิตให้เข้าสู่มาตรฐานตามหลักวิชาการอีกไม่กี่ขั้นตอน ก็จะสามารถพัฒนาไปสู่การผลิตข้าวปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิต และยังต่อยอดเชื่อมโยงกับตลาดข้าวที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าว GAP ครบวงจร ให้มีการทำข้อตกลงซื้อขายข้าว(MOU)ระหว่างกลุ่มนาแปลงใหญ่ GAP กับผู้ประกอบการค้าข้าว เกษตรกรจึงสามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เมื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ สินค้าก็จะขายได้ในราคาที่ดีขึ้น ส่งผลไปถึงรายได้ที่ดีขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรมีการผลิตข้าวได้มาตรฐาน GAP ทั้งระบบกรมการข้าว จึงมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้แก่ ศูนย์วิจัยข้าว ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เร่งเข้าไปถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีในการผลิตข้าวให้กับกลุ่มนาแปลงใหญ่ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,350 กลุ่ม ทั้งที่เป็นกลุ่มเก่าและกลุ่มตั้งใหม่ ให้มีความเข้าใจและตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปสู่มาตรฐานความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าหน้าที่กรมการข้าวจะเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำทุกระยะตั้งแต่เริ่มเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว และการดูแลเก็บรักษาหลังเก็บเกี่ยว เพื่อเป้าหมายหลักคือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มรายได้และความยั่งยืนให้กับชาวนาไทย
ด้านนายพิเชษ ธูปแก้ว ประธานกลุ่มนาแปลงใหญ่ ต.บ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี กล่าวว่า กลุ่มนาแปลงใหญ่แห่งนี้ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 มีสมาชิก 150 ราย ซึ่งกรมการข้าว ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี โดยเฉพาะการผลิตข้าวให้ได้มาตรฐาน GAP เป็นอย่างน้อย เนื่องจากเป็นมาตรฐานสากลที่สามารถช่วยยกระดับคุณภาพและราคาข้าวได้ จากการที่รัฐบาลได้ทำโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าว GAP ครบวงจร ทำให้สามารถขายข้าวได้ราคาเพิ่มขึ้นตามคุณภาพนั่นเอง อย่างเช่น ปกติขายข้าวอยู่ที่ 6,000-7,000 บาทต่อตัน แต่พอมาทำข้าว GAP สามารถเพิ่มมูลค่าข้าวได้อีก 2,000-3,000 บาท
ถึงแม้ว่าการผลิตข้าว GAP จะช่วยยกระดับคุณภาพข้าวได้อย่างเด่นชัด แต่ก็มีขั้นตอนการดำเนินการที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด ทำให้มีอุปสรรคกับเกษตรกรบางรายโดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มีอายุเฉลี่ย 50-60 ปีขึ้นไปจะปฏิบัติตามได้ค่อนข้างยากในเรื่องการจดบันทึก แต่ในเรื่องความสนใจและต้องการปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตข้าวมาตรฐานนั้นสมาชิกกลุ่มนาแปลงใหญ่ทุกคนพร้อมที่จะดำเนินการตามอยู่แล้ว ดังนั้นกลุ่มจึงมีเป้าหมายให้สมาชิกกลุ่มที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP ปัจจุบันมีอยู่เพียง 20 ราย ให้ช่วยเป็นพี่เลี้ยง เป็นต้นแบบให้กับสมาชิกรายอื่น โดยคาดว่าในปีนี้อย่างน้อยต้องมีสมาชิกผ่านมาตรฐาน GAP เพิ่มขึ้นเป็น 50 ราย และขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จนครบทั้งหมด
“การปรับเปลี่ยนมาผลิตข้าว GAP สิ่งที่ได้รับอย่างแรกคือความปลอดภัยจากการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องเหมาะสม ช่วยลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในตลาดข้าวคุณภาพมากขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตข้าวของเกษตรกร อย่างในจังหวัดลพบุรีมีการรับซื้อข้าว GAP จากกลุ่มนาแปลงใหญ่ไปสีแปรรูปจำหน่ายในกลุ่มจังหวัดได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เกษตรกรก็มีรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการปลูกข้าวแบบเดิมเพื่อขายข้าวเปลือกให้โรงสีอย่างเดียว รายได้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนไป ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนคงอยู่ไม่ได้ เราก็จะใช้ข้อดีตรงนี้มานำเสนอเป็นแรงผลักดันให้สมาชิกนาแปลงใหญ่หันมาผลิตข้าวมาตรฐาน GAP มากขึ้น เพื่อลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต และสร้างความยั่งยืนในอาชีพต่อไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี