“เมืองผลไม้” เป็นสมญานามของ จันทบุรี จังหวัดทางภาคตะวันออกของไทย เรียกว่าใครไปเยือนแล้วไม่ได้เข้าไป “ชิมถึงสวน” ถือว่ายังไปไม่ถึง โดยที่ จ.จันทบุรี มีสวนผลไม้จำนวนมากที่เกษตรกรเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลผลิต บางแห่งก็ให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์ แต่สำหรับที่ “โครงการศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี” เป็นมากกว่านั้น เพราะที่นี่คือแหล่งเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
สุวิวัฒน์ วงษ์สกุลไชยะ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน หัวหน้างานวิชาการเกษตรศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี เล่าว่า โครงการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2521 หรือ 40 ปีที่แล้ว เวลานั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชกระแสให้คณะทำงานโครงการพัฒนาตามพระราชดำริดำเนินการสำรวจพื้นที่ และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อที่ดินสวนไม้ผลซึ่งมีลำคลองไหลผ่าน ในพื้นที่บ้านทุ่งโตนด ต.ท่าหลวง อ.มะขาม จ.จันทบุรี จำนวน 109.99 ไร่ เพื่อเตรียมวางโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กไว้เป็นตัวอย่างในการใช้ประโยชน์แก่ประชาชน
เจ้าหน้าที่พาชมสวนลำไย ภายในโครงการศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
ด้วยทอดพระเนตรเห็นว่า “ในอนาคตจะมีการขยายการทำสวนผลไม้เพิ่มขึ้นอีกมาก ถึงแม้จังหวัดจันทบุรีจะมีปริมาณฝนมาก จำนวนวันที่ฝนตกกว่าครึ่งปี จนเกิดน้ำไหลหลากท่วมจังหวัดจันทบุรีเป็นประจำ แต่ฤดูแล้งจะขาดน้ำ” ดังนั้นพระองค์จึงทรงวางแนวทางการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ด้วยการสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กเป็นระยะๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร และป้องกันน้ำท่วมในอนาคต
สุวิวัฒน์ เล่าต่อไปว่า ต่อมาในปี 2524 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริให้คณะทำงานโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ ตั้งศูนย์ศึกษาพัฒนาไม้ผล เพื่อเป็นตัวอย่างในการประกอบอาชีพแก่ราษฎร และสร้างแหล่งน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น สวนไม้ผล 60 ไร่ สระเก็บน้ำ 12 ไร่และพื้นที่ว่างเปล่า 37 ไร่ เพื่อทำการศึกษาและทดลองทางการเกษตร
กล่องเลี้ยง “ชันโรง” แมลงตระกูลผึ้งที่เป็นทั้งผู้ช่วยผสมเกสรผลไม้ และเป็นแหล่งผลิตน้ำผึ้งรสอร่อย
ทั้งหมดอยู่ในการดูแลของ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ เพื่อให้เป็นศูนย์ศึกษาด้านการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ รวมถึงส่งเสริมการผลิตให้สามารถจำหน่ายได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศตลอดจน ขยายผลให้ประชาชนสามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้อย่างสมบูรณ์
ภายในศูนย์แห่งนี้จะเน้นเรื่องการจัดการดูแลสวนผลไม้ อาทิ เงาะ มังคุด ทุเรียน ลำไย และรวบพันธุ์ผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี ก็คือ “ทุเรียนพันธุ์โบราณ” ซึ่งเส้นทางการศึกษาดูงานจะมีความยาวประมาณ 800 เมตร นับเป็นแปลงเกษตรที่พร้อมต่อการเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี เกษตรกรสามารถเข้ามาศึกษาแปลงตัวอย่างในการผลิตไม้ผลทุกชนิด ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีการนำวิถีตามธรรมชาติของพืชและสัตว์มาไว้ในพื้นที่เดียวกันเพื่อเกื้อกูลกันในการเจริญเติบโต และให้ผลผลิตภายใต้หลักวิชาการที่ถูกต้องในการทำการผลิต
สวนลำไยภายในศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
เช่น ส่งเสริมการเลี้ยง “ชันโรง” ซึ่งเป็นแมลงตระกูลผึ้ง เพื่อเป็นผู้ช่วยผสมเกสร และนำผลผลิตจากชันโรงมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่าย เช่น น้ำผึ้งจากชันโรง ในส่วนของการดูแลสวนจะใช้เทคโนโลยีในการดูแล เช่น ใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน การใช้ความรู้ทางวิชาการในการควบคุมด้านเคมี และทำการทดลองพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร ที่เน้นการลดต้นทุนในการเพาะปลูก อีกทั้งเรียนรู้ในเรื่องการใช้ปุ๋ยที่ไม่ส่งผลเสียต่อธรรมชาติ เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้บริโภคผักและผลไม้ รวมถึงแนะนำการใช้ดินที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก
“มีผู้คนสนใจศึกษาดูงานจากองค์กรต่างๆ จะเน้นมากเรื่องของทุเรียน ซึ่งสามารถควบคุมผลผลิตให้ออกนอกฤดูกาลได้ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ทำรายได้สูงจึงมีผู้สนใจที่จะเข้ามาศึกษาดูงาน ไม่ใช่เพียงเท่านั้นยังมีการศึกษาดูงานในเรื่องของลำไย เพราะจันทบุรีปลูกลำไยที่มีคุณภาพส่งออก และที่สำคัญคือสามารถควบคุมผลผลิตได้ เนื่องจากนำเทคโนโลยีใหม่ๆนำมาใช้” สุวิวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ ณัฏฐกฤต ชัยอริยเมธี อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี กล่าวเสริมว่า ทางมหาวิทยาลัยได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆในศูนย์ฯ ซึ่งได้มีการสอนเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่เดิมที โดยเริ่มที่จะพัฒนาและแสวงหาว่า “นอกจากเรียนในชั้นเรียน จะมีที่ใดบ้างที่จะได้ลงมือทำด้วย” จนเมื่อได้ทราบข่าวว่า พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9จึงเล็งเห็นว่าสอดคล้องกับหลักสูตรที่กำลังสอนจึงได้ติดต่อเพื่อที่จะให้นักศึกษามาดูงาน
“ในปี 2560 ได้ให้นักศึกษารุ่นที่ 1 ทดลองปลูกข้าวพันธุ์พญาทองดำ ซึ่งปัจจุบันข้าวที่ปลูกพร้อมเก็บเกี่ยว และทางมหาวิทยาลัยได้มีหลักสูตรวิชาศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะให้นักศึกษาที่เรียนในรายวิชามาเก็บเกี่ยวข้าว และให้นักศึกษาได้ค้นหานวัตกรรมที่จะทำให้ข้าวที่เก็บเกี่ยวมาใช้ประโยชน์ และยังทำให้นักศึกษารู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียงหรือพอประมาณ” ณัฏฐกฤต กล่าวในท้ายที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี