ประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์นับหมื่นคน สวมเสื้อสีเหลืองร่วมกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ “Bike อุ่นไอรัก”คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ ในส่วนภูมิภาค โดยจังหวัดกาฬสินธุ์กำหนดเส้นทางผ่านสถานที่สำคัญๆหลายแห่ง มีระยะทางไปและกลับประมาณ 40 กิโลเมตร
9 ธ.ค.61 เมื่อเวลา 14.30 น. ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.จุมพล จุมพลภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายวีระศักดิ์ ศรีโสภา รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ปลัด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องถิ่น ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์กว่า 10,000 คน พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี เข้าร่วมกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ “Bike อุ่นไอรัก”คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ ในส่วนภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์
โดยบรรยากาศเริ่มคึกคักมาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่าย เนื่องจากมีประชาชน พร้อมบุตรหลานนำจักรยานคู่ใจเข้าร่วมกิจกรรมกันจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศที่เป็นใจ ลมเย็นสบาย เพราะวันนี้ไม่มีแดด จึงทำให้อากาศไม่ร้อน ทั้งนี้ที่ผ่านมาทาง จ.กาฬสินธุ์ได้มีการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมกันกิจกรรม“Bike อุ่นไอรัก” สำหรับข้าราชการและประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ที่บริเวณห้องโถง ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 1 ถนนเลี่ยงเมืองหัวคู ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ และที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง ซึ่งมีประชาชนสนใจลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมจำนวน 5,782 คน
สำหรับเส้นทางการปั่นจักรยานกิจกรรม“Bike อุ่นไอรัก” ในส่วนของ จ.กาฬสินธุ์นั้นมีระยะทางไปและกลับ 2 รอบประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งตลอดเส้นทางจะผ่านสถานที่สำคัญๆของ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และสถานที่สัญลักษณ์ประจำจังหวัด และมีการจัดทีมแพทย์ พยาบาล จิตอาสาด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิต่างๆคอยอำนวยความสะดวก ทั้งด้านความปลอดภัย ด้านการจราจร ด้านสุขภาพและหน่วยปฐมพยาบาลตลอดเส้นทางการปั่น โดยจุดแรกเริ่มต้นที่สนามหน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) ถนนกาฬสินธุ์ ผ่านอนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร วัดกลางพระอารามหลวง ศาลหลักเมือง ซอยแก่งสำโรง วงเวียนวัดใต้โพธิ์ค้ำ ถนนกุดยางสามัคคี ผ่านโรงแรมริมปาว เลี้ยวซ้ายข้างคลองฮีโร่เข้าสู่ถนนบายพาสผ่านสี่แยกสงเปือย สี่แยกทุ่งมน ผ่านศูนย์ราชการ จ.กาฬสินธุ์ เลี้ยวซ้ายถนนถีนานนท์ถึงสี่แยกป่าไม้ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนกาฬสินธุ์เข้าสู่สนามศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า)เช่นเดิม
ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ พร้อม ผบ.มทบ.26 ผบก.บุรีรัมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และนักปั่นจากชมรมต่างๆ กว่า 1.5 หมื่นคน พร้อมใจสวมใส่เสื้อยืดสีเหลืองพระราชทาน ร่วมกิจกรรมปั่น “Bike อุ่นไอรัก” ในส่วนภูมิภาค ระยะทาง 29 กม. เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างพร้อมเพรียง
เมื่อเวลา 1500 น. นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พล.ต.รณกร ปานกุล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นายดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์ นายกฤษฎา แก้วสองเมือง นายพิจิตร บุญทัน รอง ผวจ.บุรีรัมย์ นายอำเภอทั้ง 23 อำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักปั่นจักรยานจากชมรมต่างๆ ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ทั้งที่ลงทะเบียนและไม่ได้ลงทะเบียนรวมกว่า 15,000 คน ต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อยืดสีเหลืองพระราชทาน และเสื้อสีเหลือง ร่วมขบวนกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ “Bike อุ่นไอรัก” เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร อย่างพร้อมเพรียงกัน
โดยก่อนเคลื่อนขบวนปั่นออกจากจุดสตาร์ท บริเวณถนนเสด็จนิวัฒน์ หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำเหล่าพสกนิกรที่มาร่วมกิจกรรมประกอบพิธีถวายราชสักการะต่อเบื้องหน้า พระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พร้อมกล่าวถวายราชสดุดี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วย
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ปล่อยขบวนจักรยานปั่นเคลื่อนไปตามเส้นทางที่กำหนด ผ่านพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 ไปตามถนนรอบเมือง ผ่านแยกแสงรุ้ง ตรงไปตามถนนสายบุรีรัมย์-สตึก ถึงแยกบ้านยางหรือสามแยกโสน เลี้ยวซ้ายไปตามถนนบายพาสรอบเมือง ผ่านแยกหนองม่วง ผ่านแยกบ้านกุง ผ่านเทศบาลตำบลอิสาณ ถึงแยกเสนศิริอนุสรณ์ เลี้ยวขวาไปตามถนนสายบุรีรัมย์-นางรอง ถึงแยกกระสัง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายบุรีรัมย์-สุรินทร์ มุ่งหน้าถึงแยกภัทรบพิตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายประโคนชัย-บุรีรัมย์ ผ่านโรงเรียนภัทรบพิตร สนามฟุตบอลช้างอารีน่า ผ่านวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ และ มุ่งหน้าตรงมายังบริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 คือจุดสิ้นสุดขบวน รวมระยะทางทั้งหมด 29 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ตลอดสองข้างทางที่ขบวนจักรยานเฉลิมพระเกียรติปั่นผ่านได้มีประชาชนมาร่วมให้กำลังใจตลอดเส้นทาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่อาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ กว่า 500 นาย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร พร้อมมีการจัดทีมแพทย์ พยาบาล และรถฉุกเฉิน ไว้คอยบริการดูแลช่วยเหลือประชาชนตลอดเส้นทางปั่น 29 กิโลเมตรด้วย และถึงแม้สภาพอากาศจะค่อนข้างร้อน แต่ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ไม่ย่อท้อ เพราะต่างตั้งใจและมีความปลื้มปีติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติอันยิ่งใหญ่ ทั้งเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วย
ขณะที่เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา ที่ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นจุดปล่อยตัวนักปั่นในกิจกรรมปั่นจักรยาน Bike อุ่นไอรัก โดย นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ ว่าที่ร้อยตรีอภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม หัวหน้าส่วนราชการ และขบวนนักปั่นจักรยานกว่า 4,000 คน ออกจากจุดสตาร์ท ก่อนปั่นไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ โดยจะแวะที่จุดพักที่อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน เพื่อปลูกต้นไม้และปล่อยพันธุ์ปลาลงในอ่างเก็บน้ำ ก่อนปั่นจักรยานบนสันเขื่อนเพื่อชื่นชมความสวยงามในเวลาใกล้พระอาทิตย์ตกดิน
โดยจังหวัดมหาสารคามได้แบ่งเส้นทางการปั่นไว้ 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ระยะทาง 5.75 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร และเส้นทางที่ 3 ระยะทาง 29.4 กิโลเมตร ซึ่งนักปั่นทุกคนต่างก็ปลาบปลื้มที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก ที่แสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ชาวโคราชทุกสาขาอาชีพดีใจรวมพลังปั่นจักรบยานที่มีต่อแผ่นดินร่วมกิจกรรม 'Bike อุ่นไอรัก' คึกคักกว่า 2 หมื่นคน
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา , พลโทธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมเป็นประธานเปิดกิจกรรมปั่นจักรยาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ (Bike UnAiRak) ของจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีร่วมกิจกรรม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าสวมเสื้อพระราชทานสีเหลืองเข้าร่วมปั่นจักยานจำนวนมากจนเต็มสนามกีฬากว่า 20,000 คน ซึ่งบรรยากาศของประชาชนจำนวนมากต่างเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปอย่างคึกคัก หลายคนมากันทั้งครอบครัว โดยมีการรวมพลมาจากทั้ง 32 อำเภอร่วมกิจกรรม
ทั้งนี้จุดสตาร์ดเริ่มจากสนามกีฬารังนก ปั่นไปตามถนนสาย 304 ราชสีมา-ปักธงชัย เข้าสู่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และกลับมายังสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา รวมระยะทาง 28 กิโลเมตร เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และการได้ร่วมปั่นจักรยานด้วยความสุข ด้วยไออุ่นของความรักที่รักในแผ่นดินของเรา และประชาชนทุกคนได้แสดงออกถึงความรักที่พวกเรามีต่อแผ่นดินของเรา และประชาชนส่วนใหญ่มากันทั้งครอบครัวและได้พูดเหมือนกันว่า ดีใจมาก ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ร่วมถวายความจงรักภักดีแด่พระองค์ท่านทุกพระองค์
ชาวพิษณุโลกรวมใจเป็นหนึ่งร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน "Bike อุ่นไอรัก" โดยมีน้องทามหนูน้อยไร้แขนปั่นจักรยานพระราชทานนำขบวนพร้อมผู้ว่าฯ
ที่บริเวณเวทีกลางศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานปล่อยแถวและปั่นนำขบวนจักรยานของส่วนราชการ ประชาชน ชาวพิษณุโลก โดยมี ด.ช.วรรธนะ คำอินทร์ อายุ 14 ปี หรือน้องทาม หนูน้อยพิการไร้แขน ที่นำจักรยานพระราชทานมาร่วมปั่นครั้งนี้ด้วย
โดยออกจากจุดเริ่มต้นปั่นผ่านซุ้มประตูศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ผ่านสี่แยกอินโดจีน-ศูนย์ไปรษณีย์พิษณุโลก-เทศบาลพลายชุมพล และกลับมาจังจุด FINISH ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก รวมระยะทาง 29 กิโลเมตร
สำหรับจังหวัดพิษณุโลก มีประชาชนมาร่วมกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก จำนวน 6,310 คน ระหว่างทางมีพี่น้องประชาชนมาคอยต้อนรับและให้กำลังใจกลุ่มนักปั่น พร้อมทั้งนำน้ำดื่มมาตั้งรอตามจุดต่างๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้ และมีกำลังทหาร ตำรวจ คอยอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง รวมถึงทีมแพทย์พยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆ เตรียมพร้อมช่วยเหลือหากมีเหตุฉุกเฉิน ถือว่าการจัดงานในครั้งนี้ของ จ.พิษณุโลก เป็นไปอย่างเรียบร้อยพร้อมเพรียงอย่างยิ่ง.
โดยก่อนหน้านี้ ที่ลานพื้นแข็งหน้าสโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมืองพิษณุโลก พลโท ฉลองชัย ชัยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน นำกำลังพลร่วมกันแปรอักษรเป็นเลขสิบไทย โดยใช้รถจักรยานในกิจกรรม “Bike อุ่นไอรัก”ร่วมแปรอักษรในครั้งนี้
สำหรับในวันนี้ ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดแปรอักษรเลขสิบไทย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร หลังจากนั้นกำลังพลจะปั่นจักรยานออกจากค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อไปรวมตั้งขบวนที่บริเวณสนามศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ในการร่วมปั่นจักรยานกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก
สำหรับบรรยากาศ การจัดกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก ของจังหวัดยะลา ว่า ที่บริเวณสนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลนครยะลา นักเรียน นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา วิทยาลัยเทคนิคยะลา วิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา วิทยาลัยการอาชีพรามัน วิทยาลัยสารพัดช่างยะลา วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจยะลา วิทยาลัยอาชีวศึกษาผดุงประชายะลา และโรงเรียนคณะราษฏร์บำรุงยะลา รวม 5,000 คน ได้ร่วมกันการแปรอักษรคำว่า YALA LOVE THE KING และรูปหัวใจ โดยมีนายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมแปรอักษรด้วย
ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ได้เดินทางเข้าประจำจุด Start งานกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก โดยมีพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดยะลา ที่สวมเสื้อปั่นจักรยาน พระราชทาน เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 7,000 คน
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เริ่มนำขบวนปั่นจักรยาน ออกจากจุดเริ่มต้น ปั่นผ่านซุ้มประตู เข้าวงเวียนหลักเมือง ผ่านหน้า ศปก.ตร. ผ่านแยกมาลายูบางกอก เข้าเส้นทางสาย15 ผ่านจุดตรวจสะเตง เลี้ยวขวาเข้าสวนขวัญเมือง แล้วทำกิจกรรมปลูกต้นไม้ ปล่อยปลา จากนั้นเริ่มปั่นออกจากสวนขวัญเมือง ผ่าน 4 แยกตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เข้าวงเวียนหลักเมือง ออกเส้นทางเทศบาล1 ผ่านแยก รพ.เข้าเส้นทาง 418 ไปกลับรถที่วงเวียนบ่อ7ลูก กลับเข้าสู่ตัวเมือง ผ่านจุดตรวจท่าสาป เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางโรงฆ่าสัตว์ ขึ้นเส้นทางเรียบแม่น้ำ ยาวไปถึงทางออกชุมชนจารู กลับรถที่จุดตรวจขุนไวย์ วิ่งเส้นทางตลาดเก่า เลี้ยวซ้ายถนนพาดรถไฟ ผ่านตึกสี ถนนรถไฟ เลี้ยวขวา ที่ 3 แยกถนนรถไฟ ตรงไปบนเส้นทางพิพิธภักดี เข้าวงเวียนหอนาฬิกา ตรงไปยังสนามโรงพิธีช้างเผือก รวมระยะทาง 29 กม.
โดยในวันที่ 9 ธันวาคม 2561 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” จากนั้น จะทรงจักรยานนำผู้เข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” เส้นทางพระลานพระราชวังดุสิต – สวนสุขภาพลัดโพธิ์ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ รวมระยะทางไปกลับ 39 กิโลเมตร โดยประชาชนสามารถร่วมโดยเสด็จ ในขบวนจักรยานตามเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ผ่านสายน้ำและคูคลองสำคัญต่างๆ ตลอดจนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การบริหารจัดการน้ำคลองลัดโพธิ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ร่วมแสดงพลังในการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานให้มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และร่วมรณรงค์ส่งเสริมการปฏิบัติตามวินัยจราจร
สตูลคึกคักทามกลางสายฝน นักปั่น “Bike อุ่นไอรัก” 4,000 คน บนเส้นทางประวัติศาสตร์ 29 กม.
ที่สนามศาลากลาง จ.สตูล นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานนำพสกนิกรชาวสตูลร่วม 4,000 คน ทำพิธีหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวสดุดี ก่อนผู้ว่าราชการจังหวัดจะเข้าประจำจุดพร้อมปล่อยจักรยานกิจกรรม “Bike อุ่นไอรัก” เส้นทางประวัติศาสตร์รอบเมืองสตูล 29 กิโลเมตร โดยจะผ่านสถานที่สำคัญของจังหวัดสตูล อาทิ มัสยิดมำบัง ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง วัดชนาธิปเฉลิม โดยในพิธีฝนได้ตกโปรยปรายสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับนักปั่นที่มีทั้งเด็ก และผู้สูงวัยร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กันอย่างคึกคัก
โดยทุกคนที่แสดงเจตจำนงในการเข้าร่วม Bike อุ่นไอรัก ในครั้งนี้หลายคนตื่นเต้นและเตรียมตัวมาพร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมด้วยการฝึกซ้อมปั่นที่บ้าน และเตรียมความพร้อมแม้ว่าจะมีฝนตกในช่วงระยะนี้ก็ตามแต่ก็ไม่มีใครย่อท้อพร้อม
สำหรับจังหวัดกระบี่ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก จ.กระบี่ เมื่อเวลา 15.00 น. ประชาชนในพื้นที่ จ.กระบี่ กว่า 3,700 คน ทยอยเดินทางมาลงทะเบียนร่วมกิจกรรมปั่น “Bike อุ่นไอรัก” ซึ่งจัดพร้อมกันทั่วประเทศ บริเวณจุดปล่อยตัวลานด้านหน้าศาลากลาง จ.กระบี่ โดยทุกคนที่มาร่วมงานต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อพระราชทาน โดยก่อนที่จะมีการปล่อยตัวผู้ร่วมกิจกรรม บรรดาเหล่านักปั่น ต่างนำรถจักรยานมาตรวจสอบสภาพความพร้อม ซึ่ง จ.กระบี่ ประสานให้นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคกระบี่ มาเปิดจุดให้บริการตรวจสภาพความพร้อมให้ฟรี ทั้งสภาพโซ่ ตรวจสภาพลมยาง นอกจากนี้ทาง รพ.กระบี่ และคลีนิกเอกชนหลายแห่ง ต่างพร้อมใจกันเปิดให้บริการตรวจสุขภาพนักปั่นฟรี ก่อนจะร่วมกิจกรรม บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ต่อมา พ.ต.ท.ม.ล.กิตติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิด และปล่อยตัวนักปั่นทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะมีประชาชนชาวไทยมาร่วมกิจกรรมกันจำนวนมากแล้ว ยังมีนักปั่นชาวต่างชาติ มาร่วมกิจกรรมบางส่วนด้วย โดย จ.กระบี่ กำหนดระยะทางไว้ 24 กม.ตลอดเส้นทางประสานให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย และรถพยาบาล คอยอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง
ชาวพังงาร่วมปั่น"Bike อุ่นไอรัก"
เวลา 15.00 น.ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพังงา นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานเปิดกิจกรรม ปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ "Bike อุ่นไอรัก" มีข้าราชพลเรือน ตำรวจ ทหาร ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจำนวนกว่า 5,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม
ทั้งนี้ ประชาชนชาว จ.พังงา มีผู้ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน "Bike อุ่นไอรัก" จำนวนทั้งสิ้น 3,951 คน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปั่นจักรยานครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมครั้งประวัติศาสตร์ ที่คนไทยได้ออกมาร่วมปั่นจักรยาน ซึ่งนอกจากจะแสดงถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายให้มีร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย
สำหรับเส้นทางปั่นจักรยาน "Bike อุ่นไอรัก" ของ จ.พังงา จุดเริ่มต้นที่หน้าศาลากลางจังหวัด ผ่านเส้นทางสถานที่สิริมงคลของจังหวัด ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดพังงา (หลังเก่า) สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ วัดประชุมโยธี (พระอารามหลวง) ศาลหลักเมืองพังงา พร้อมร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลา จำนวน 300,000 ตัว บริเวณริมเขื่อนพังงา และสิ้นสุดหน้าศาลากลางจังหวัดพังงา รวมระยะทางทั้งสิ้น 20.9 กิโลเมตร หลังการปั่นจักรยาน มีการแสดงของโรงเรียน ดีบุก โรงเรียนสตรี และโรงเรียนบ้านท้ายช้าง เปิดเวทีด้วยชุดการแสดง รักจัง....พังงา หลังจากนั้นเป็นการแสดงดนตรีของ วงดนตรีฐานทัพเรือพังงา เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้ผู้เข้าร่วมการปั่นจักรยานทุกท่านอีกด้วย
ประชาชนชาวลพบุรีร่วมกิจกรรม"Bike อุ่นไอรัก"ผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง
นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นำพสกนิกรชาวจังหวัดลพบุรีร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานในโครงการปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” โดยผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม ต่างทยอยมาลงทะเบียนร่วมปั่นที่บริเวณสนามกีฬาพระราเมศวร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ตั้งแต่เวลา 12.00 น.โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสภาพความพร้อมของร่างกาย โดยจังหวัดฯ ได้จัดการแสดงดนตรีลูกทุ่งและการแสดงทางวัฒนธรรม ให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้ชมก่อนถึงช่วงเวลาปั่น
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้เปิดกรวยกระทงดอกไม้ หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำกล่าวถวายราชสดุดี และนำผู้ร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานจากศาลากลางจังหวัดลพบุรี ผ่านพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เข้าสู่ถนนนารายณ์มหาราชไปยังวงเวียนศรีสุริโยทัย (วงเวียนสระแก้ว) ปั่นตรงไปวนรอบศาลพระกาฬ วกกลับมายังถนนนารายณ์มหาราช ฝั่งขาเข้า และเมื่อถึงวงเวียนศรีสุริโยทัย ขบวนจักรยานได้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนคันคลองชลประทาน เมื่อถึงจุดที่ 1 คือที่สำนักงานชลประทานที่ 10 ผู้ว่าราชการจังหวัดได้นำผู้เข้าร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลา จำนวน 5 แสนตัว ลงในคลองอนุศาสนนันท์เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ขบวนจักรยานได้ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ผ่านตลาดเสาธง และพักที่จุดพักที่ 2 วัดโนนหัวช้าง ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีและคณะ ได้เข้าสักการะพระพุทธโคตรคชมงคล พระประธานประจำอุโบสถ เพื่อความเป็นศิริมงคล
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “Bike อุ่นไอรัก” ของจังหวัดลพบุรีต่างปลื้มปิติและมีความสุขที่ได้ร่วมกันแสดงพลังความสามัคคี และได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ โดยจากจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ศาลากลางจังหวัดลพบุรี รวมระยะทาง 33 กิโลเมตร มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 6,878 คน
ชาวชุมพรร่วม 5 พันคนร่วมปั่น Bike อุ่นไอรัก
ในเวลา 14.00 น.ที่บริเวณถนนไตรรัตน์ หน้าศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดกิจกรรม Bike อุ่นไอรัก โดยมี นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ทำหน้าที่อำนวยการในการจัดกิจกรรม และมีนักปั่นทั้งหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำองค์กรเอกชน พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา กลุ่มพลังมวลชน ที่ลงทะเบียนไว้เข้าร่วมกิจกรรมร่วม 5,000 คน ซึ่งก่อนหน้าการเปิดกิจกรรมในช่วงเช้า ได้มีฝนตกหนัก แต่เมื่อถึงช่วงบ่ายฝนกลับหยุดตก ท้องฟ้าเปิด มีแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมแต่อย่างใด
การปั่นจักรยานกิจกรรม “Bike อุ่นไอรัก” ในส่วนของ จ.ชุมพร มี 2 ระยะ คือ 29 กิโลเมตร และ 9 กิโลเมตรที่เหมาะกับผู้ที่มีความพร้อมของร่างกายในทุกระดับ ทุกวัย และจุดปล่อยตัวได้เริ่มที่หน้าศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร ที่มีการประดับพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ในพระอิริยาบถทรงจักรยานเส้นทางจักรยาน และกิจกรรม Bike ปั่นอุ่นไอรักของจังหวัดชุมพร จะผ่านเส้นทางจุดสำคัญต่างๆ ในตัวเมืองชุมพร เช่น สถานีรถไฟชุมพร โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ (แก้มลิงหนองใหญ่)
ปั่นอุ่นไอรักเชียงราย คนนับหมื่นปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ
9 ธ.ค.61 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชน จำนวนประมาณ 10,000 คน ประกอบกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ ไบค์อุ่นไอรักคลายความหนาวสายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ในส่วนภูมิภาค โดย จ.เชียงราย มีการจัดปั่นจักรยานแยกเป็น 2 เส้นทางคือเส้นทางเอ ระยะทาง 29 กิโลเมตร และเส้นทางบี ระยะทาง 10 กิโลเมตร ทั้งสองเส้นทางเริ่มจากศาลากลาง จ.เชียงราย และกลับมายังจุดสิ้นสุด ณ จุดเดิม โดยแต่ละเส้นทางจะปั่นไปตามเส้นทางและผ่านสถานที่สำคัญ เช่น อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ สวนตุงและโคมนครเชียงราย สะพานไชยนารายณ์ สะพานขัวพญามังราย ฯลฯ
โดยระยะทาง 29 กิโลเมตร ใช้เส้นทางจากศาลากลาง จ.เชียงราย ข้ามสะพานแม่ฟ้าหลวงกั้นแม่น้ำกก แยกประตูเชียงใหม่ หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ แยกประตูสลีและเลี้ยวขวาไปตามถนนพหลโยธินสายในสู่แยกแม่กรณ์ จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามถนนพหลโยธินสู่ถนนบายพาส สะพานยกระดับขัวไชยนารายณ์ แยกสนามกีฬากลางจังหวัด เลี้ยวซ้ายสู่ห้าแยกพ่อขุนเม็งราย สะพานขัวพญามังราย แยกบ้านใหม่และกลับสู่ศาลากลาง จ.เชียงราย
และระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เส้นทางเดิมผ่านแยกประตูสลีจนถึงแยกสันคอกช้างแล้วไม่ตรงไป แต่เลี้ยวซ้ายไปทางแยกศรีทรายมูล และเลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธินจนถึงห้าแยกพ่อขุนเม็งราย ไปทางสวนตุงและโคมนครเชียงราย ถนนธนาลัย เลี้ยวขวาตรงแยกศาล และเลี้ยวซ้ายตรงแยก สภ.เมืองเชียงราย ขึ้นสู่ถนนสิงหไคลและข้ามสะพานแม่ฟ้าหลวงกลับสู่ศาลากลาง จ.เชียงราย
ทั้งนี้ ตามรายทางการปั่นจักรยานของ จ.เชียงราย มีทัวทัศน์ที่งดงามด้วยธรรมชาติของแม่น้ำกกและศิลปะที่ตกแต่งอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งหอนาฬิกา ถนน สะพาน ฯลฯ อย่างงดงาม
ผู้ว่าฯหนองคายนำชาวหนองคายกว่า5พันคน ร่วมกิจกรรมใหญ่"ไบค์ อุ่นไอรัก" ปั่นจักรยาน29.9กิโลเมตร
เมื่อเวลาประมาณ 14.50 น.ที่ผ่านมา นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชนชาวหนองคาย ที่มาลงทะเบียนร่วมกิจกรรมไบค์ อุ่นไอรัก ของจังหวัดหนองคายนั้น จำนวน 5,079 คน ออกสตาร์ทจากจุดเริ่มต้นที่บริเวณถนนเจนจบทิศ เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ไปตามเส้นทางที่กำหนด ระยะทาง 29.9 กิโลเมตร
โดยเริ่มจากลานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหนองคาย-โพนพิสัย เลี้ยวกลับที่บริเวณหน้ากองร้อย ตชด.ที่ 245 กลับมาตามเส้นทางเดิม ผ่านแยกซุ้มประตูพญานาค ไปตามถนนพนังชลประทาน เข้าสู่ถนนเสด็จ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนบายพาสสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ผ่านทางแยกทางเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมิตรภาพหนองคาย-อุดรฯ กลับมาสิ้นสุดที่ลานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างทางจะได้ผ่านซุ้มประตูพญานาค ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหนองคาย และชมทัศนียภาพสองข้างทางได้ด้วย ประกอบกับวันนี้สภาพอากาศเย็นสบาย ไม่มีแดด
BIKE อุ่นไอรักนครพนม ประชาชนเกือบ 14,000 คน ร่วมปั่นแสดงความจงรักภักดี
เวลา 15.00 น.บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.ฯ ได้นำประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน จำนวน 13,561 คน ไปตามเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ เสมือนเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวของจังหวัด เพราะผ่านจุดสำคัญต่างๆที่มีความสวยงาม มีประวัติความเป็นมา ทั้งศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งการปั่นเริ่มจากบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม(หลังใหม่) มุ่งหน้าไปตามถนนอภิบาลบัญชา ผ่านสถานที่สำคัญ คือ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ศาลหลักเมือง ตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนนิตโยมุ่งหน้าสู่แลนมาร์คองค์พญาศรีสัตตนาคราช ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง ไปตามถนนสุนทรวิจิตร เลียบแม่น้ำโขง
โดยเส้นทางนี้จะผ่านตลาดอินโดจีน วัดโอกาสศรีบัวบาน หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ศาลเจ้าพ่อคำแดง พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม(หลังเก่า) โบสถ์นักบุญอันนา เลี้ยวซ้ายบริเวณหัวมุมโรงเรียนเซ็นโยเซฟ (สันตยานันท์) ไปตามทางหลวงหมายเลข 212 เพื่อมุ่งหน้าสู่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน) ผ่านวัดสว่างสุวรรณาราม สวนหลวง ร.9 ก่อนที่จะปั่นขึ้นสะพานฯ ไปกลับตัวที่หน้า ตม.ของประเทศลาว แล้ววิ่งย้อนกลับเส้นทางเดิม มาสิ้นสุดที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม รวมระยะทางทั้งสิ้น 29 กิโลเมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ภ.จว.นครพนม กว่า 300 นาย อำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย 1669 เตรียมรถพยาบาลฉุกเฉิมตามจุดต่างๆ และจุดบริการน้ำดื่มทุกๆ 3 กม.ซึ่งจังหวัดนครพนมมีผู้มาลงทะเบียน เพื่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของวันประวัติศาสตร์ ทั้งสิ้น 13,561 คน เป็นอันดับที่ 9 ของประเทศ แบ่งเป็นชาย 5,917 คน และหญิง 7,674 คน
พสกนิกรชาวจังหวัดศรีสะเกษกว่าหมื่นคน ร่วมปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก”
เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อม รอง ผวจ. นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษ จำนวนกว่า 10,000 คน พร้อมใจกันปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
โดยจุดสตาร์ทอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ปั่นไปตามถนนเทพา เลี้ยวขวาเข้าถนนศรีสะเกษถึงวงเวียนน้ำพุเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชการรถไฟ เลี้ยวขวาไปถนนขุขันธ์ ถึงสี่แยกศศิธรเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอุบลถึงสามแยกนิกรมอเตอร์เลี้ยวขวาไปตามถนนทองมากไปเลี้ยวขวาเข้าเกาะกลางน้ำห้วยน้ำคำ ปั่นรอบเกาะกลางน้ำ 1 รอบ ประมาณ 4 ก.ม.พักหายเหนื่อยในเกาะกลางน้ำ ประมาณ 15 นาที ปั่นต่อไปที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ พักหายเหนื่อยก่อนที่จะปั่นต่อไปสิ้นสุดที่สนามหน้าศาลากลางที่เดิม ตั้งแต่ออกจากสนามหน้าศาลากลางแสงแดดแผดจ้า ร้อนอบอ้าวแต่นักปั่นทั้งเด็กผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุทุกคนก็ปั่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยกันเลย
ชาวนราธิวาสร่วมกิจกรรม"BIKE อุ่นไอรัก" ขณะนักปั่นจักรยานชาวมาเลเซียภูมิใจเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ
9 ธ.ค.61 นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดกิจกรรม BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส โดยมีนายธรรมรงค์ คงวัดใหม่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายก่อพงษ์ โกมลรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายสมหวัง เรืองเพ็ง ปลัดจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้เข้าร่วมกิจกรรม” BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส”จำนวน 5,000 คน ร่วมกิจกรรมฯ
หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ปล่อยตัวขบวนจักรยานกิจกรรม BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส ในเวลา 15.00 น. ณ จุด Start-Finish บริเวณศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีขบวนจักรยานผู้พิการจากชมรมมือเลื่อนล้อนราธิวาส และผู้พิการในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเคลื่อนตัวออกจากจุด Start เป็นขบวนแรก ตามด้วยขบวนจักรยานโซน A นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ตามด้วยผู้เข้าร่วมกิจกรรม BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส อย่างคับคั่ง ปั่นไปตาม 9 เส้นทางสิริมงคล 9 จุด ดังนี้ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา อ.เมือง จ.นราธิวาส , มัสยิดกลางประจำจังหวัดนราธิวาส (หลังเก่าหรือมัสยิดยุมอีย๊ะ) , หอนาฬิกาประจำเมืองนราธิวาส, มัสยิดกลางประจำจังหวัด หลังใหม่ , พลับพลาที่ประทับริมเขื่อนท่าพระยาสาย , พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ,ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และวัดพิกุลทอง รวมระยะทาง 29 กิโลเมตร โดยเริ่มต้นและสิ้นสุด ณ ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้จังหวัดนราธิวาสได้จัดกิจกรรมจิตอาสาระหว่างปั่นจักรยาน คือ พิธีปล่อยพันธุ์กุ้งทะเลจำนวน 4 ล้านตัว ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส
สำหรับบรรยากาศโดยรวมกิจกรรม BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส เป็นไปอย่างคึกคัก มีจิตอาสาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสจำนวนมากมาช่วยอำนวยความสะดวกในกิจกรรม BIKEอุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส ขณะประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเดินทางมาจาก 13 อำเภอในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้มีนักปั่นจักรยานจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จำนวน 24 คน เดินทางมาร่วมกิจกรรม” BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส” ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศแห่งความสุข ความทรงจำดีๆ และถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นายมุสตอปา วานิ 1 ใน นักปั่นจักรยานจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย บอกว่า รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม” BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส” และตั้งใจฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
ขณะที่การเปิดจำหน่ายกระบอกน้ำ BIKE อุ่นไอรัก จ.นราธิวาส ณ ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ได้รับความนิยมเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ โดยส่วนใหญ่ต้องการซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกในกิจกรรม BIKE อุ่นไอรัก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญของคนไทยทั้งประเทศ
ผู้ว่าฯร้อยเอ็ดนำปั่นจักรยาน"Bike อุ่นไอรัก"
เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ผ่านมา นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย นายเลิศบุศย์ กองทอง , นายดำรงค์ สิริวิชย อิ่มวิเศษ , นายทวี จงประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด , นางนงรัตน์ คงเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ภาคเอกชน ประชาชน ชมรม ร่วมปั่นจักรยาน Bike อุ่นไอรัก กว่าหมื่นคน จัดแถวนักปั่นรอบบึงพลาญชัย ที่ จุด Start ณ ลานสาเกตุนคร บึงพลาญชัย ผ่านประตูสาเกตนคร เลี้ยวขวาผ่านตำรวจภูธรจังหวัด สี่แยกหน้าศาลากลาง เลี้ยวซ้ายผ่านศาลจังหวัด ตรงไปตามถนนเทวาภิบาล ถึงแยกบายพาสไปอำเภอธวัชบุรี เลี้ยวขวาไปตามถนนเลี่ยงเมือง ตรงไปผ่านบายพาสไปอำเภออาจสามารถ ผ่านโรงเรียนพระกุมารร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางศาสนาคริสต์ ผ่านบายพาสไปอำเภอสุวรรณภูมิ ผ่านบายพาสไปอำเภอจตุรพักตรพิมาน ผ่านบายพาส ไป อำเภอวาปีประทุม บายพาสไปจังหวัดมหาสารคาม เลี้ยวขวาไปตามถนนเทวาภิบาล ถึงสี่แยกไฟแดงบ้านท่านคร เลี้ยวซ้ายตามถนนตรงไป เข้าประตู ร.16 พัน 1 เลี้ยวขวา เข้า มนฑลทหารบก ที่ 27 คณะนักปั่น หยุดพักที่ มณฑลทหารบกที่ 27 ปลูกต้นรวงผึ้ง จำนวน 4 ต้น แล้วเลี้ยวขวาออกจากมนฑลทหารบกที่ 27 ถึงสามแยกวิทยาลัยนาฎศิลป์ เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไป ผ่านอนุสาวรีย์พระยาขัติยะวงษา เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดร้อยเอ็ด เลี้ยวซ้ายไปถึงวัดเหนือ ป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางศาสนาพุทธ เลี้ยวขวาผ่านวัดคุ้มวนาราม ถึงสี่แยกวีระเภสัช เลี้ยวซ้ายไปทางโรงแรมไหม ตรงไปถึงสามแยกตายาย เลี้ยวขวาไปตามถนนวงแหวนรอบใน ผ่านโรงแรมเพชรัตต์ การ์เด้นท์ ผ่านสำนักงาน กกต. ผ่านวัดบูรพาภิราม ที่มีพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี พระพุทธรูปยืนที่สูง 101 ศอก ไปถึงสามแยกโรงพยาบาลกรุงเทพจุรีเวช เลี้ยวขวาเข้าเมือง จนถึงสี่แยกโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด ตรงไปถึงสี่แยกสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด แล้วเลี้ยวขวา ผ่านวงเวียนโหวด เป็นสัญลักษณ์ของเครื่องดนตรีประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ไปถึงสี่แยกหน้าเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ตรงไปเข้าบึงพลาญชัยผ่านวัดบึงพลาญชัย ผ่านศาลหลักเมืองตรงไปสิ้นสุดที่บริเวณหน้าเวทีลานสาเกตุนคร บึงพลาญชัย รวมเส้นทางปั่น 29.101 กม.
ทั้งนี้ ตลอดเส้นทาง มีการให้บริการน้ำดื่มจากประชาชนที่คอยให้กำลังใจ มีการจัดระเบียบการจราจร โดยตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อความปลอดภัยเมื่ออยู่ในขบวน โรงพยาบาลร้อยเอ็ดมีบริการรถฉุกเฉินตลอดเส้นทาง และมีการออกบูท บริเวณจุด Start โดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงาน กศน.ร้อยเอ็ด ด้วยการแต่งชุดไทยโบราณ มาให้กำลังใจนักปั่น และมีจักรยานโบราณมาโชว์ และให้ทดลองปั่นเพื่อรำลึกถึงอดีต พร้อมการแสดงจากน้องๆ นักเรียน ภายในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด อีกด้วย
ชาวเลยกว่า6,000คนร่วมปั่นกิจกรรม"ไบค์ อุ่นไอรัก"
เมื่อเวลา 14.00 น.ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเลย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมกันนักปั่นกว่า 6,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” โดยมีกิจกรรมที่หน้าศาลากลาง ได้มีนักปั่นแปรขบวนเป็นอักษรคำว่า “รักเลย” จากนั้นได้มีการแสดงวงโยธาวาทิตของโรงเรียนมาหาไถ้ศึกษาเลย จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นำปั่นจักรยาน ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน โดยนำขบวนจากหน้าศาลากลาง และนำคณะเข้าประกอบพิธีพระพุทธมนต์ ณ.พระอุโบสถวัดศรีสุธาวาส พระอารามหลวง เพื่อถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นำขบวนจักรยานเฉลิมพระเกียรติเคลื่อนไปตามเส้นทาง จากวัดศรีสุธาวาส วัดอารามหลวง เลี้ยวขวาตรงไปโรงเรียนศรีสะอาด ผ่านหน้าเทศบาลเมืองเลย ถึงวงเวียนน้อยบ้านติ้ว วนกลับเข้ากุดป่องมาถึงวงเวียนใหญ่ เลี้ยวซ้ายมาข้างโรงพยาบาล และรอปรับรูปขบวนเลี้ยวซ้ายไปอำเภอวังสะพุง สิ้นสุดที่ว่าการอำเภอ รวมระยะทาง 29 กิโลเมตร ซึ่งตลอดเส้นทางรูปขบวนสวยงามเป็นอย่างมาก สร้างความเป็นใจให้คนที่รอดูขณะขบวนกิจกรรมปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” ที่ขับผ่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้มี นางกุ่ม วังคีรี อายุ 86 ปี บ้านเลขที่ 27/8 ถนนร่วมใจ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย เข้าร่วมขบวนปั่น โดยได้กล่าวว่า วันนี่ตื่นแต่เช้าเพื่อใส่บาตร ถวายให้ในหลวงทำบุญ เพื่อถวายให้ในหลวง รัชกาลที่ 9 จากนั้นตนก็ได้เตรียมตัวเพื่อจะร่วมปั่นในโครงการ Bike อุ่นไอรัก แม้ถึงตนจะอายุมากแล้วก็ตาม แต่เพื่อความจงรักภักดีต่อในหลวง รัชกาลที่ 10 ก็จะไปร่วมงานร่วมปั่นกับลูกๆ หลาน เพื่อถวายแด่ในหลวงอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี