ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ก่อตั้งเมื่อปี 2521 ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งโครงการหลวงได้ร่วมกับกรมพัฒนาที่ดิน ในการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินทดแทน การทำลายพื้นที่ป่าและการทำไร่เลื่อนลอย โดยมีกรมชลประทานมาช่วยวางระบบชลประทานเพื่อการเกษตร การอุปโภคและบริโภค
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมา 40 ปีแล้ว วิถีชีวิตของชาวไทยภูเขาก็ได้เปลี่ยนไป จากที่เคยทำไร่เลื่อนลอยและปลูกฝิ่น ก็ได้ถูกทดแทนด้วยแปลงผักและผลไม้อินทรีย์ ชาวบ้านหันมาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ดินและน้ำมากขึ้น เพราะถือว่านั่นคือ รากฐานที่สำคัญของการทำการเกษตร
นางนุชสุพร กฤษฎาธาร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาที่ดินโครงการหลวงกล่าวว่า ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง เป็นพื้นที่ดำเนินงานส่งเสริมอาชีพควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้มีการรักษาป่าต้นน้ำอย่างดีมาก มีการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า โดยกรมได้ทำโครงสร้างพื้นฐานให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ระบบน้ำต่างๆ ส่วนผลผลิตที่ได้ทั้งหมดก็จะส่งให้กับฝ่ายตลาดโครงการหลวงนำไปจำหน่ายต่อไป
“กรมได้มีการสนับสนุนในเรื่องของการผลิตที่มีคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพในการปรับปรุงดินไว้ใช้เอง มีการแนะนำการปรับปรุงบำรุงดินอย่างถูกวิธี เพื่อให้สามารถใช้ปุ๋ยเพียงพอต่อความต้องการของพืช ไม่ใช้ปุ๋ยมากเกินไป เพื่อให้เกิดความสมดุลในการปรับปรุงบำรุงดิน นอกจากนี้ พืชอินทรีย์หรือพืช GAP ต้องมีผู้มาตรวจแปลงของเกษตรกรและต้องการรับทราบคุณภาพของดินในพื้นที่ว่ามีความเหมาะสมดีอย่างไร ดังนั้นกรมจึงต้องช่วยเหลือในการตรวจวิเคราะห์ดินและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีการใช้ปุ๋ยมากหรือน้อยเกินไป” นางนุชสุพร กล่าว
ปัจจุบันศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ได้จัดทำแปลงทดสอบสาธิตและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชผักไม้ผล ภายใต้ระบบมาตรฐานอาหารปลอดภัย ได้แก่ ระบบการเพาะปลูกที่ดิน GAP มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของกรมวิชาการเกษตร โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาที่ดินในการใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมี รวมถึงการทำปุ๋ยหมักพระราชทานเพื่อฟื้นฟูดินและลดต้นทุนการผลิต ซึ่งสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับเกษตรกร
ด้านนางสุพัตรา บุตรพลวง ที่ปรึกษาศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริงกล่าวว่า จากความรู้ที่กรมพัฒนาที่ดินนำมาถ่ายทอดให้เกษตรกรนอกจากช่วยให้ดินดี ผลผลิตงามแล้ว ยังพัฒนาต่อยอดไปสู่เกษตรกรรายอื่นหรือผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ในทุกองค์ความรู้และทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนด้านชุมชนว่าเกษตรกรใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขอย่างไรจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
จากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายทำให้พื้นที่ราบเชิงเขาจำนวน 13,277 ไร่ มีความอุดมสมบูรณ์เกษตรสามารถปลูกผักหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี ผลผลิตได้รับการยอมรับจากตลาดและผู้บริโภค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี